ตอนที่ ๕
“ถึงแล้วค่ะ บ้านอิงฟ้ายินดีต้อนรับพี่สายธารค่ะ”อิงฟ้าบอกยิ้มๆ
“ร้านน่ารักดีนะคะ ดีจังได้ทำอะไรที่เราชอบ ไม่ต้องแข่งกับเวลาเหมือนพี่”สายธารบอกเมื่อเดินดูร้านของอิงฟ้า แล้วยิ้มอย่างชื่นชอบ
“ชั้นสองทำเป็นสตูดิโอเหรอคะ” เอ่ยถามเมื่อเห็นบันไดวนขึ้นไปชั้นสอง
“อ๋อ...ชั้นสองเป็นห้องนอนของอิงเอง สตูดิโอยู่ด้านหลังค่ะ”
“ดีจังค่ะ ไม่ต้องเร่งรีบออกไปทำงาน แล้วอิงฟ้าอยู่คนเดียวเหรอคะ”แอบถามเรื่องที่สงสัย
“อยู่กับเพื่อนค่ะ เป็นหุ้นส่วนกัน เอ่อ...เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน เค้าพักอยู่ด้านหลังค่ะ อ้าว...นั่นไงมาพอดี”อิงฟ้าบอกเมื่อเห็นจิตราเดินเข้ามาพอดี
“จิตราพี่สายธารมา นี่จิตราเพื่อนอิงค่ะ น่าจะเคยเห็นกันแล้วที่คอนเสิร์ต” อิงฟ้าแนะนำให้สายธารรู้จักกับเพื่อนรักของเธอ
“สวัสดีค่ะ พี่สายธาร ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เห็นพี่ใกล้ๆ” จิตรายกมือไหว้ ด้วยรอยยิ้มที่บานเต็มหน้า
“สวัสดีจ๊ะ ร้านน่ารักมากจ๊ะ”สายธารทักทายอย่างเป็นกันเอง
“แล้ว...ทำไงถึงได้มาด้วยกันได้จ๊ะอิง”หันไปถามเพื่อนอย่างสงสัย
“ก็รถดันเสีย พอดีพี่สายธารบังเอิญผ่านไปเจอ ก็เลยอยู่รอช่างเป็นเพื่อน แล้วก็พามาส่งนี่แหล่ะจ๊ะ”อิงฟ้าอธิบายให้เพื่อนฟัง
“อื้อ...เป็นเรื่องบังเอิญ หรือพรหมลิขิตกันน๊า...” จิตรากระซิบใส่หูอิงฟ้าเบาๆ อย่างล้อๆ
“บ้า...พูดอะไร” อิงฟ้าหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ตามสบายนะคะพี่สายธาร พอดีจิตรามีนัดทานข้าวกับแฟนต้องขอตัวไปก่อน สวัสดีค่ะ”จิตรายกมือไหว้ลาสายธาร แต่ก็ยังไม่วายหันมาล้อเพื่อนรัก
“มาเที่ยวบ่อยๆ ก็ได้นะคะ คนแถวนี้จะได้อารมณ์ดีทั้งวันทั้งคืน...อิอิ” จิตราเดินออกไปแล้ว แต่คนที่ยังอยู่หน้าเริ่มแดงระเรื่อ เหลือบมองสายธารด้วยกลัวจะโกรธ แต่กลับเจอรอยยิ้มกว้างตามจิตรา อิงฟ้ารีบหันหน้าหนีซ่อนความเก้อเขิน
“งั้นพี่กลับเลยละกัน อิงฟ้าจะได้รีบอาบน้ำสระผม เปียกฝนแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”สายธารบอกด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ อิงเดินออกไปส่งที่รถนะคะ”อิงฟ้าเดินตามไปส่งสายธารที่รถ อย่างรู้สึกเสียดายที่จะต้องจากกัน
สายธารขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว อิงฟ้าเกาะขอบหน้าต่างฝั่งตรงข้าม ยื่นหน้าเข้าไปบอก
“เดินทางปลอดภัยนะคะ เอ้อ...นี่นามบัตรของอิง เผื่อว่าพี่จะมีอะไรให้อิงรับใช้” อิงฟ้ายื่นนามบัตรให้อย่างเขินๆ สายธารรับมาดูแล้วเก็บใส่กระเป๋าถือที่วางอยู่เบาะข้างๆ
“พี่ไปนะคะ อย่าลืมอาบน้ำสระผม แล้วทานยากันไว้ด้วยนะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”สายธารบอกอย่างห่วงใย
“พี่ด้วยนะคะ อย่าลืมทานยาด้วย พี่ก็โดนฝนเหมือนกัน”
“จ้า...ไปละนะ”
“เอ่อ...พี่คะ...ถึงบ้านแล้วโทรหาหน่อยได้ไหม จะได้รู้ว่าพี่ถึงบ้านปลอดภัยแล้ว” อิงฟ้ารวบรวมความกล้า บอกออกไป แต่ไม่กล้าสบสายตาสายธารอยู่ดี
“อืมมม...พี่ไม่มีเบอร์โทรหน่อยด้วยสิ แล้วเค้าเป็นใครเหรอถึงให้พี่โทรหา...”สายธารแกล้งหยอก ด้วยเสียงหัวเราะอย่างถูกใจ ที่เห็นอิงฟ้าหน้าแดงเขินอายกว่าเดิม
“พี่อ่ะ...โทรหาอิงนี่แหล่ะค่า...นะคะ”อิงฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“พี่ล้อเล่นจ้า...พอถึงบ้านปุ๊ป จะโทรมารายงานปั๊ปเลยดีไหม”สายธารบอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเคลื่อนรถออกไป โดยมีอิงฟ้ายืนมองตาม จนรถของสายธารลับสายตา เธอจึงเดินเข้าบ้าน ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นอยู่เต็มหัวใจของอิงฟ้า แฉกเช่นเดียวกับสายธารที่ขับรถออกไป อมยิ้มเมื่อนึกถึงความน่ารักของอิงฟ้า...
อิงฟ้าอาบน้ำสระผมเสร็จ กำลังนั่งเช็ดผมให้แห้ง สายตาคอยเหลือบมองดูโทรศัพท์มือถือ ที่วางอยู่ใกล้ๆ แต่หน้าจอยังดำมืดปราศจากเสียงใดๆ เธอหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ‘ป่านนี้ยังไม่ถึงบ้านอีกเหรอ หรือว่าไม่อยากคุยกับเราแล้ว’ อิงฟ้าอดคิดไม่ได้ เดินไปปิดไฟ เตรียมตัวเข้านอนอย่างตัดใจ ล้มตัวลงนอนยังไม่ถึงสองนาที เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอรีบเด้งตัวลุก แทบจะทันทีที่ได้ยินเสียง กลัวคนทางปลายสายจะไม่รอ
(สวัสดีค่ะ...)อิงฟ้ากรอกเสียงลงไปด้วยความหวัง หวังว่าคนที่โทรเข้ามาจะใช่คนที่เธอรอ แม้เบอร์ที่โทรมาจะไม่คุ้นตา
(อิงฟ้า...นอนหรือยังคะ...)เสียงที่ดังอยู่ข้างๆ หู ทำเอาคนฟังใจเต้นแรง เพราะมันคือเสียงของคนที่เธอเฝ้ารอ
(ยังค่ะ ... พี่ถึงบ้านนานแล้วเหรอคะ)จะให้บอกได้อย่างไร ว่าเธอรอโทรศัพท์ของคนที่ถาม ถ้าสายธารไม่โทรมา ก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอจะสามารถข่มตาหลับลงได้หรือเปล่า
(พี่ถึงสักพักแล้วล่ะค่ะ อาบน้ำสระผมอยู่ก็เลยนานไปหน่อย อยากทำให้เสร็จก่อน จะได้คุยกับอิงฟ้านานๆ ไงค่ะ แล้วอิงฟ้าทานยาหรือยัง) เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเธอจะต้องอธิบายยืดยาว
(ทานแล้วค่ะ พี่ทานหรือยังคะ)อิงฟ้าตอบคำถามอย่างรู้สึกดี ไม่รู้ว่าเธอเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงที่เธอได้ยินเจือไปด้วยความเป็นห่วง
(พี่ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ได้ตากฝนเหมือนกับอิงฟ้า แล้วก็แข็งแรงดี ไม่ต้องทานยาก็ได้)สายธารจะบอกได้อย่างไร ว่าเธอไม่ถูกกับยาอย่างที่สุด ถ้าไม่หนักหนาสาหัส หรือถูกบังคับ เธอไม่มีวันหยิบยาใส่ปากเองแน่ๆ
คุยกันได้สักพัก สายธารเริ่มหาวโชว์ ทำเอาอิงฟ้าหัวเราะขำกับความเป็นคนง่ายๆ ของสายธาร ที่ไม่ต้องเก๊กมากมาย ทั้งๆ ที่เพิ่งคุยกัน แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยกันมานาน
“รู้สึกง่วงแล้ว พี่ขอตัวนอนก่อนนะคะ อิงฟ้าก็นอนได้แล้วนะ ดึกแล้ว ฝันดีนะคะ”
“ฝันดีค่ะ...”อิงฟ้าบอกแบบเขินๆ เธอนอนยิ้มอย่างเป็นสุข ตั้งแต่เกิดมาได้ 28 ปี เธอไม่เคยต้องบอกใคร ให้นอนหลับฝันดี แบบนี้มาก่อนเลย
สายธารก็เช่นเดียวกัน แม้เธอจะผ่านชีวิตมาตั้งครึ่งชีวิตแล้ว เธอก็รู้สึกดีไม่ต่างกันกับอิงฟ้า เพียงแต่เพราะเธอเป็นผู้ใหญ่กว่า เธอเลยต้องเก็บอาการไว้ในใจ เพราะเธอไม่อยากต้องมาเสียใจตอนอายุเยอะขนาดนี้ เธอนอนพลิกไปพลิกมา ทั้งๆ ที่ตอนคุยกัน เธอยังหาวโชว์ให้อิงฟ้าได้หัวเราะอยู่เลย พอจะนอนจริงๆ กลับนอนไม่หลับขึ้นมาซะยังงั้น
‘อิงฟ้า...เธอไม่น่าเกิดช้าขนาดนี้เลย’ สายธารครุ่นคิดจนผล็อยหลับไปตอนค่อนรุ่ง
อิงฟ้าตื่นมาในตอนเช้าอย่างสดใส เธอรู้สึกว่าโลกของเธอในวันนี้ ช่างสว่างสดใสเหลือเกิน เธอเดินฮัมเพลงลงมาจากข้างบน อย่างสบายใจ
“อะแฮ่ม...ๆๆ ท่าทางเธอจะนอนหลับฝันดีนะอิง”จิตราที่นั่งอยู่ส่งเสียงล้อเลียน เพราะเธอไม่เคยเห็นอิงฟ้าเป็นแบบนี้มาก่อน
“อื้อ...ก็ดี...”อิงฟ้าตอบกลับเบาๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปชงกาแฟยังห้องครัวใกล้ๆ
“แค่...ก็ดีเหรอ... แต่สีหน้าเธอมันบ่งบอกว่าดีมากๆ เลยน๊า”จิตราเดินตามมาจ้องหน้าเธอยิ้มๆ
“เออ...ดีมากๆ ก็ได้ ทำไมเธออิจฉาฉันหรือไง”
“ฉันเข้าใจ...การที่เราได้มีโอกาสได้เจอะเจอ และพูดคุยกับคนที่เราปลื้มสุดๆ มันมีความสุขมากขนาดไหน ลองถ้าฉันได้เจอพี่เคนแบบนี้บ้าง ฉันก็คงกรี๊ดบ้านแทบแตกเหมือนกันแหล่ะ”
“ไม่เหมือนกันหรอก...ฉันคงไม่ได้แค่ปลื้มเค้า แบบที่เธอคิดแล้วล่ะจิตรา”อิงฟ้าบอกเพื่อนเบาๆ
“หมายความว่ายังไงเหรออิง...”จิตราหันมามองหน้าเพื่อน เธอรู้สึกกลัวว่าสิ่งที่เธอคิด จะเป็นความจริงขึ้นมา
“ฉันว่า...ฉันคงหลงรักพี่สายธารแล้วล่ะ...”เสียงที่ออกจาก ปากอิงฟ้าแผ่วเบา แต่จิตราได้ยินชัดเจน
“เฮ้ย...ก็ไม่เห็นจะแปลก เธอคงรักพี่เค้าแบบแฟนคลับ หรือแบบพี่สาวละมั่งใช่ไหม...”จิตราพยายามพูดให้อิงฟ้าคล้อยตาม
“ไม่ใช่หรอก...ฉันรักเค้าแบบ...ที่อยากเป็นเจ้าของๆ เค้า แบบ...คนรักน่ะ เธอเข้าใจไหม” อิงฟ้าบอกความจริงในใจของตัวเอง ให้เพื่อนที่เธอรักได้รับรู้ จิตรารู้สึกแข้งขาอ่อน ทั้งๆ ที่เธอคิดไว้ว่ามันจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่ก็ยังรู้สึกตกใจ เมื่อได้รับรู้ความจริงจากปากของเพื่อน
“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรออิง...เธออาจจะแค่หลงทางหรือเปล่า”จิตราถามออกไปเสียงเบาหวิว เหมือนกับความรู้สึกของตัวเองที่เหมือนไร้น้ำหนัก
“ฉันก็เฝ้าถามตัวเอง มานานหลายวันแล้ว เหมือนกัน จนกระทั่งเมื่อวาน...ที่ฉันมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับเค้า ฉันก็ได้คำตอบแล้วล่ะ ว่าที่ฉันเฝ้าตามหา เฝ้ารอมานาน คือพี่สายธารนี่แหล่ะ เค้าคือคนที่ใช่ของฉัน... จิตราที่เค้าบอกกันไว้ว่า...ถ้าเราเจอใครสักคนที่เรารู้สึกพิเศษด้วย หัวใจเราจะเต้นแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อวานที่ฉันอยู่ใกล้พี่สายธาร เธอรู้ไหมว่าหัวใจฉันมันเต้นเหมือนจะหลุดออก มาข้างนอก แล้วฉันก็รู้สึกว่าฉันมีความสุขมากๆ อย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย เธอเชื่อฉันหรือเปล่าจิตรา” อิงฟ้าระบายความรู้สึกทั้งหมดในใจให้เพื่อนฟัง
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป”จิตราถามเบาๆ
“ทำอะไร ... ไม่เห็นต้องทำอะไรนี่ ก็แค่ทำให้พี่เค้ารับรักฉัน แค่นั้นเอง”อิงฟ้าบอกเพื่อน พร้อมเสียงหัวเราะร่า แต่กลับทำให้จิตราหนักใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นอิงฟ้าเป็นแบบนี้มาก่อน
สายธารตื่นตอนสายๆ รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวแปลกๆ หนำซ้ำยังปวดหัวมากด้วย ‘สงสัยจะเป็นไข้ซะแล้วมั่งเรา เฮ้อ…เมื่อคืนยังบอกกับอิงฟ้าอยู่เลยว่าแข็งแรงดี แค่โดนละอองฝนก็เหมือนจะไม่สบายขึ้นมาซะแล้ว แล้วนี่อิงฟ้าจะเป็นยังไงบ้างนะ ก็เล่นเปียกฝนไปทั้งตัวขนาดนั้น’ สายธารอดคิดเป็นห่วงอิงฟ้าขึ้นมา
“ฝนชงกาแฟเข้มๆ ให้แก้วสิ”สายธารอาบน้ำเสร็จ เดินลงมาบอกเด็กที่บ้าน ซึ่งรีบเข้ามาหา เมื่อเห็นสายธารเดินลงมาจากด้านบน
“คุณธารแฮงค์เหรอคะ”น้ำฝนเอ่ยถามตามประสาซื่อ เพราะเธอจะเห็นสายธารสั่งแบบนี้ ก็ต่อเมื่อแฮงค์จากการดื่มเท่านั้น
“แหม...เธอนี่ทำเป็นรู้ดีนะ ไม่ใช่หรอกย่ะ ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบาย เลยอยากจะดื่มกาแฟเข้มๆ สักหน่อยเผื่อจะหาย”สายธารบอกน้ำฝนอย่างขำๆ เมื่อได้ยินคำถาม น้ำฝนเป็นลูกของป้านิดแม่บ้านของเธอ ซึ่งป้านิดเป็นคนเชียงใหม่ บ้านเดียวกับแม่ของสายธาร ซึ่งถูกสามีทิ้ง เลยหอบเอาลูกน้อยมาขอพึ่งแม่ ซึ่งแม่ก็จัดการส่งมาให้ดูแลสายธารกับน้องชาย ซึ่งตอนนี้ไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย
น้ำฝนเลยอยู่กับเธอมาตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้โตเป็นสาว เรียนมหาวิทยาลัยปีสอง ซึ่งสายธารรักน้ำฝนเหมือนน้อง ส่งให้เรียนมาตั้งแต่ต้น น้ำฝนเป็นเด็กที่เรียบร้อย และเรียนดี ไม่เคยทำให้เธอหนักใจเลยสักครั้ง
“คุณธารเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ ไม่สบายต้องกินยาค่ะ ไม่ใช่กาแฟ”น้ำฝนเรียกสายธารว่าคุณธารจนติดปาก โต้แย้งเบาๆ
“เออน่า...ไปเอามา อย่าพูดมาก”
“ค่ะๆ...”เมื่อสายธารแสดงความหงุดหงิดในน้ำเสียง น้ำฝนก็รีบลนลานไปชงให้ตามสั่ง
“ต้องให้ออกแรงยายนี่...”สายธารบ่นตามหลังยิ้มๆ อย่างไม่ถือสาอะไร หายไปไม่นาน น้ำฝนก็ออกมาพร้อมกับถ้วยกาแฟหอมกรุ่น ควันฉุยมาแต่ไกล
“นี่ค่ะ...กาแฟเข้มๆ ตามที่สั่ง”
“ขอบใจจ๊ะ...”
“แม่ให้มาถามว่ากลางวัน คุณธารจะทานข้าวที่บ้านหรือเปล่าคะ”น้ำฝนถามเสร็จนั่งรอเอาคำตอบอยู่ใกล้ๆ
“วันนี้ไม่มีงานนอก...ก็คงอยู่ทานที่บ้านนี่แหล่ะจ๊ะ ค่ำๆ ฉันถึงจะออกไปทำงาน”
“แล้วคุณธาร อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”น้ำฝนยังลอยหน้าถามต่อ
“นี่เธอถามเอง หรือแม่ให้มาถามกันแน่ แม่เธอทำอะไรก็อร่อย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”สายธารมองหน้าน้ำฝนอย่างรู้ทัน
“ฝนถามเองค่ะ แหม...นานๆ คุณธารจะอยู่ทานข้าวบ้านซะที อยากให้ได้ทานอะไรที่อยากทานนี่ค่ะ ถ้าแม่ได้ยินแบบนี้คงตัวลอยแล้วล่ะ ที่คุณธารชม”
“ทำเป็นรู้ดี แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนเหรอไง”สายธารจับหัวน้ำฝนโยกเบาๆ อย่างเอ็นดู
“มีเรียนตอนบ่ายค่ะ เดี๋ยวค่อยออกไปก็ได้ นั่งรถครึ่งชั่วโมงก็ถึงไม่ต้องรีบ อ้อ...แม่ต้มข้าวให้คุณธารด้วยค่ะ แม่บอกว่าให้คุณธารทานข้าวต้ม แล้วให้ทานยา เดี๋ยวฝนไปยกมาให้นะคะ”บอกแล้วรีบลุกออกไป โดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของสายธาร
ไม่นานข้าวต้มร้อนๆ ควันฉุย ก็ถูกยกมาวางแทนที่ถ้วยกาแฟ ซึ่งเธอเพิ่งยกดื่มได้แค่ครึ่งเดียว พร้อมยาในแก้วเล็ก ที่เตรียมมาพร้อม สรรพ
“นี่ค่ะ...แม่เตรียมมาให้นะคะ ไม่เกี่ยวกับฝน คุณธารไม่ต้องมาทำตาเขียวใส่เลย”น้ำฝนรีบบอก เมื่อเห็นสายตาของสายธารที่มองมา พร้อมหลบมะเหงกของสายธาร ที่ยกมาเตรียมเขกหัวเธออย่างรู้ทัน
“ถ้าเธอไม่บอก แม่เธอจะรู้ได้ยังไง มาให้เขกซะดีๆ วุ่นดีนัก”สายธารกระดิกนิ้วเรียกตัวยุ่ง อย่างหมั่นเขี้ยว
“ก็ฝนเป็นห่วงคุณธารนี่ค่ะ ไม่ไปหรอกเรื่องอะไร ไปก็เจ็บตัวสิ จะทานดีๆ หรือจะให้แม่มาป้อน”น้ำฝนขู่ยิ้มๆ เพราะเธอรู้ดีว่าสายธารรัก และเชื่อฟังแม่ของเธอมาก เพราะดูแลสายธารมานานเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่
“เอะอะเสียงดังอะไรกันยายฝน คุณธารยิ่งไม่สบายอยู่ เดี๋ยวเถอะ” เสียงป้านิดดังแว่วมา ไม่นานนักเจ้าตัวก็เดินออกมา น้ำฝนยักคิ้วให้สายธารอย่างเป็นต่อ ก่อนจะหันไปฟ้องผู้เป็นแม่
“ก็คุณหนูของแม่สิค่ะ ไม่ยอมทานข้าวต้มกับยา แม่มาป้อนหน่อยเร็ว”
สายธารจำต้องหยิบช้อนมาตักข้าวต้มใส่ปาก อย่างเสียไม่ได้ เธอไม่อยากให้ป้านิดต้องเป็นกังวล และไม่อยากให้เรื่องถึงหูแม่ของเธอด้วย เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ไม่นานแม่เธอต้องตีรถมาจากเชียงใหม่แน่ๆ ถึงแม้เธอจะอายุปาเข้าไป 40 แล้ว แต่ในสายตาของแม่ เธอก็ยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ดี สายธารหยิบยาใส่ปากด้วยท่าทางฝืนใจ ยกแก้วน้ำดื่มจนหมดแก้วใหญ่ที่น้ำฝนเอามาให้อย่างรู้ใจ
“หนูธารนอนพักซะหน่อยนะคะ บ่ายๆ ป้าจะขึ้นไปปลุก หรือถ้ารู้สึกไม่สบายต้องบอกป้านะคะ”ป้านิดบอกหลังจากนั่งดูสายธารทานยาเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะป้า...”สายธารบอกอย่างว่าง่าย โดยไม่ลืมหันไปถลึงตาใส่น้ำฝน อย่างคาดโทษ ซึ่งน้ำฝนได้แต่ยิ้มตอบแหยๆ
เมื่ออยู่ในห้องนอนตัวเองตามลำพังแล้ว รู้สึกคิดถึงอิงฟ้า 'เมื่อวานตากฝนจะไม่สบายหรือเปล่านะ' หยิบมือถือมา แต่ก็วางลงอย่างตัดใจ 'อย่าดีกว่า อย่าให้เป็นเรื่องดีกว่า เด็กขนาดนั้นอาจจะไม่เหมาะที่เราจะไปยุ่งด้วย' นอนลงหลับตา พลางถอนหายใจ อย่างพยายามตัดใจ สายธารนอนหลับไปด้วยฤทธิ์ของยาแก้ไข้ ต้องตกใจตื่นด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ ที่ดังอยู่บนโต๊ะข้างๆ เตียงนอน เธอตื่นแล้วแต่ยังรู้สึกงงๆ กับเสียงที่ดัง จนเสียงนั้นเงียบลง เธอหลับตาลงอีกครั้งอย่างมึนงง
อีกด้านหนึ่ง อิงฟ้าถือโทรศัพท์มือถือแนบหู รอจนสายตัดไป แต่ไม่มีเสียงของคนรับ เธอรู้สึกผิดหวังหน้าเศร้า กว่าที่เธอจะตัดสินใจกดโทรศัพท์ เพื่อโทรหาสายธาร เธอต้องรวบรวมความกล้าอยู่นาน แต่กลับไม่มีเสียงของคนที่เธอคิดถึงให้ได้ยิน เธอกดวางสายนั่งลงอย่างหมดแรง ความสดชื่นที่มีตอนเช้าเริ่มหายไป
"พี่เค้าอาจจะไม่ว่างรับก็ได้ หรืออาจจะรับไม่ทันหรือเปล่า ทำไมเธอไม่ลองดูอีกทีล่ะ"จิตราที่แอบสังเกตอยู่ห่างๆ ร้องบอกเพื่อนอย่างเห็นใจ แม้เธอจะตกใจ ที่รับรู้ความรู้สึกของเพื่อน แต่เธอก็ไม่อาจทนเห็นเพื่อนต้องเศร้าอยู่แบบนี้
"ไม่ดีกว่า บางทีเค้าอาจจะไม่อยากคุยกับเราก็ได้"เสียงที่ออกจากปากแผ่วเบา แฝงไปด้วยความเศร้า อย่างไม่อาจปิดบังเพื่อนรักได้
"ฉันเชื่อแล้วล่ะ ว่าเธอรักพี่เค้าจริงๆ ตั้งแต่ฉันรู้จักเธอมานานสิบกว่าปี ฉันยังไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้เลย แล้วต่อไปเธอจะทนไหวเหรอ ถ้าหากเธอต้องผิดหวัง"วางมือลงบนบ่าเพื่อน อย่างรู้สึกเป็นห่วง
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ฉันอยู่ใกล้ๆ พี่เค้าแล้วรู้สึกมีความสุข อย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน ฉันก็แค่อยากจะกอบเก็บความสุขนั้นไว้ให้นานๆ นานแค่ไหนฉันไม่รู้ แต่ฉันอยากมีโอกาสได้รู้จัก และสัมผัสกับความสุขแบบนั้นบ้าง หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็พร้อมที่จะยอมรับมัน"อิงฟ้าบอกความรู้สึกให้จิตราฟัง อย่างไม่ปิดบัง ระหว่างเธอกับจิตรา ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังกันอยู่แล้ว
"ถ้าเธอคิดแบบนั้น เธอก็ควรพยายามทำให้เต็มที่สิ อย่างน้อยๆ เธอก็ได้ทำแล้ว ดีกว่ามานั่งเสียใจ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พยายามทำอะไรเลย"จิตราบอก พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของอิงฟ้า ที่วางอยู่ขึ้นมากดเบอร์โทร ที่โทรออกซ้ำลงไปอีกครั้ง
สายธารตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอสะบัดหัวไล่ความมึนงง ก่อนจะมองเห็นแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ ที่สว่างวาบเข้าตาพอดี เธอหยิบมาพร้อมกับกดรับทันที
"สวัสดีค่ะ"จิตราได้ยินเสียงของสายธาร ก็ส่งให้อิงฟ้าทันที
"พี่เค้ารับแล้ว"อิงฟ้ารับโทรศัพท์มือถือมาจากจิตรา สูดลมหายใจลึก ก่อนจะรีบพูดออกไป เมื่อได้ยินเสียงของสายธารที่ดังมาอีกครั้ง
"สวัสดีค่ะ พี่สายธาร อิงเองค่ะ"พูดออกไปแล้ว เธอก็แทบจะกลั้นหายใจรอ เพราะเธอกลัวว่าสายธารจะไม่ยินดี กับการที่เธอโทรหา
"อ๋อ...อิงฟ้าเองเหรอค่ะ"เสียงที่ตอบกลับมา แหบพร่าจนอิงฟ้ารู้สึก
"พี่ไม่สบายเหรอคะ เสียงดูอู้อี้จัง"อิงฟ้าร้องถามด้วยความห่วงใย จนสายธารรับรู้ได้
"แค่ไข้หวัด ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกจ๊ะ ว่าแต่อิงฟ้าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ เมื่อวานโดนฝนเยอะเลยนี่" ในขณะที่ตัวเองป่วยเสียงแหบแห้ง ยังมีแก่ใจเป็นห่วง ทำให้อิงฟ้ารู้สึกตื้นตันใจ
“อิงไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เมื่อคืนอิงทานยากันไว้ก่อน แสดงว่าเมื่อคืน พี่ไม่ได้ทานยาใช่ไหมคะ พี่เป็นไข้หรือเปล่า ตัวร้อนไหมคะ ปวดหัวไหม...”อิงฟ้าเอ่ยถามอย่างห่วงหาอาทร
“พี่ต้องตอบทุกคำถามไหม...แล้วถามว่าไงบ้างนะคะ”สายธารล้อ พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างรู้สึกดี ความเจ็บป่วยทางกาย แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งสองคนถ่ายทอดความห่วงใย ซึ่งต่างก็มีให้กัน แม้ว่าสายธารจะไม่เปิดเผยความรู้สึกของตัวเองออกมาหมด แต่ลึกๆ อิงฟ้าก็ยังรับรู้ได้ เหมือนกับใจสื่อถึงใจ โดยไม่ต้องบอกออกมาเป็นคำพูดใดๆ....