ตอนที่ ๔
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ ตั้งแต่เปิดตัวไปเนี่ย” จิตราหยอกอิงฟ้า ที่นั่งยิ้มดูคลิป ในวันที่ขึ้นไปมอบช่อดอกไม้ให้สายธาร โดยจิตราเป็นคนถ่ายให้ ภาพที่สายธารกอดกระชับเธอไว้ในวงแขน เป็นภาพที่เธอไม่ได้เห็นในวันนั้น แต่พอเธอมาดูในคลิป มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น และเธอก็ไม่เคยเบื่อที่จะดูมัน ทุกครั้งที่ว่าง
“ถ้าเป็นม้วนเทปแบบสมัยเก่านะ ฉันว่ามันคงยืดแล้ว ยืดอีกแล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะ...คนมันมีความสุขนี่นา ว่าแต่เธอเหอะ วันนี้ไม่ไปเฝ้าน้องมิคหวานใจเหรอไง” อิงฟ้าหันมาถามเพื่อนบ้าง คนที่อิงฟ้าพูดถึง คือมิคเด็กรุ่นน้อง ซึ่งเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ซึ่งอยู่ถัดไปจากร้านของทั้งคู่ ซึ่งจิตราแอบหลงรัก และมักจะไปนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟนั้นเป็นประจำทุกเย็น
“ฉันไม่พลาดอยู่แล้ว เป็นคนชัดเจนจ๊ะ ว่าแต่เธอเถอะ ตกลงรู้สึกอย่างไรกับพี่สายธารกันแน่ เธอก็รู้ว่าพี่เค้าชอบผู้หญิง แล้วเธอล่ะ...ชอบแบบไหน เฮ้ย...ได้เวลาแล้วล่ะไปดีกว่า”ว่าแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที ปล่อยให้อิงฟ้านั่งครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง
‘นั่นสินะ แล้วเราคิดอย่างไรกับพี่เค้ากันแน่’ อิงฟ้าครุ่นคิด ตั้งแต่เธอผิดหวังอย่างรุนแรง กับการกระทำของกันย์ ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงคนเดียว ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ ถึงแม้ว่าครั้งนั้น มันจะไม่ใช่ความรักสำหรับเธอก็ตาม เธอก็ไม่เคยให้ใครผ่านเข้ามาในชีวิตของเธออีกเลย นอกจากสายธาร แต่เธอก็บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อสายธาร มันคืออะไร เป็นเพียงความหลงใหล ในการเป็นคนสาธารณะของสายธารหรือเปล่านะ
ระหว่างเธอกับสายธารอายุห่างกัน12ปี รอบหนึ่งของชีวิต สายธารจะมาสนใจคนธรรมดาๆ แบบเธอได้อย่างไรกัน อิงฟ้าสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไป ก่อนจะขับรถออกไปจากร้าน ซึ่งเป็นที่ๆ เธอพักอาศัยอยู่ด้วย ไม่นานนักเธอก็ขับรถมาจอดใต้สะพานพระรามแปด ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เวลาที่เธอรู้สึกอยากอยู่คนเดียว หรือมีเรื่องกลุ้มใจ เธอมักจะมาที่นี่ มานั่งดูสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เมื่อยามที่เรือวิ่งผ่าน ในยามที่เธอมองออกไปกลางลำน้ำ บ่อยครั้งที่เธอเผลอยิ้มให้กับคนแปลกหน้า ที่นั่งอยู่บนเรือ และมองมาสบตากันโดยบังเอิญ
สิ่งที่เธอชอบทำมากที่สุด คือการเก็บก้อนหินมาขว้างออกไปในแม่น้ำ มันทำให้ความกลัดกลุ้มในใจของเธอ เบาบางลงไปเหมือน กับเธอโยนความทุกข์ใจไปพร้อมๆ กับก้อนหิน ที่เธอขว้างออกไปจนสุดแรง
"คอนเสิร์ตวันนั้น ทำไมพี่อิงถึงได้ขึ้นไปมอบช่อดอกไม้ครับพี่จิตรา"มิคเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะวันนั้นเขาก็ไปดูด้วย ยังรู้สึกตื่นเต้นแทนอิงฟ้าเลยด้วยซ้ำ
"อิงน่ะ เค้าเป็นแฟนคลับดีเจคลื่นนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียน แต่เค้าอายไม่ยอมเปิดเผยตัว พี่ก็เลยวางแผนกับพี่หมูให้อิงได้เปิดเผยตัวเอง จุ๊ๆ น้องมิคอย่าแพร่งพรายนะคะ ถ้าอิงรู้ได้โกรธพี่ตายแน่"จิตราเปิดเผยให้มิคได้รู้ความจริง แต่ยังกำชับให้ปิดเป็นความลับ
"ใครเหรอพี่ ที่พี่อิงเป็นปลื้มอ่ะ"มิคถามอย่างอยากรู้
"ความลับ..."จิตราบอกยิ้มๆ
"อะไรกันครับ กับมิคพี่ยังจะมีความลับอีกเหรอ” มิคทำเสียงออดอ้อน
"แล้วทำไมกับมิค...พี่ถึงจะต้องไม่มีความลับล่ะ"จิตราทำเป็นยอกย้อน ด้วยสายตาหวานฉ่ำที่จ้องตามิค
"ก็...เอ่อ...มิคคิดว่า เราสนิทกัน เห็นหน้ากันทุกวัน ไม่น่าจะมีความลับต่อกันนี่ครับ แต่ถ้าพี่ไม่อยากบอก...ก็ไม่เป็นไรครับ"มิครู้สึกเขิน เมื่อเห็นจิตราส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ แต่ก็แกล้งทำเสียงเศร้าตอนท้าย ก่อนจะหันหน้าหนี ทำให้จิตราต้องรีบงอนง้อ
"แหม...มิคก็...หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย พี่นะเหรอจะกล้ามีความลับกับมิคได้ ก็คนที่อิงส่งช่อดอกไม้ให้นะแหล่ะที่อิงมันชอบ ตอนแรกพี่แค่อยากให้อิงเปิดเผยตัว แต่ไม่คิดว่าพี่สายธารจะเป็นคนมารับช่อดอกไม้เอง"
"คนที่พี่อิงชอบ เป็นผู้หญิงเหรอครับ"มิคทำเสียงตกใจในสิ่งที่รับรู้
"ทำไมล่ะ...เค้าก็แค่หลงใหลได้ปลื้มกับดีเจ น้องมิคไม่เคยชื่นชอบ หรือเป็นปลื้มกับดาราคนไหนมั่งเลยเหรอ"
“ก็มีบ้างครับ...”มิคบอกยิ้มๆ
“ใคร...บอกมาเลยนะ อย่าให้รู้ล่ะ ตอนนี้มิคหมดสิทธิ์ชอบใครแล้วนะ นอกจากพี่”จิตราโมเมบอกความในใจของตัวเอง ให้มิคได้รับรู้ ทำเอามิคที่รู้สึกชอบจิตราเหมือนกัน อายจนหน้าแดง เมื่อถูกผู้หญิงเกี้ยวเอาตรงๆ
อิงฟ้านั่งอยู่จนแสงสุดท้าย ของตะวันลับขอบฟ้า ฝนตกลงมาทั้งๆ ที่ไม่มีเค้ามาก่อน เธอรีบวิ่งกลับไปที่รถอย่างรวดเร็ว ขึ้นนั่งในรถได้ แต่ก็ทำเอาเธอเปียกไปทั้งตัว เธอนั่งมองสายฝนอยู่ในรถเงียบๆ 'สงสัยจะมีพายุเข้า' อิงฟ้าบอกกับตัวเอง ก่อนจะขับรถออกมา ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา อย่างไม่ลืมหูลืมตา รถแล่นออกจากสะพานพระรามแปดได้ไม่ไกล รถก็เริ่มกระตุกถี่ๆ
'อย่านะ อย่ามาเกเรตอนฝนตกแบบนี้นะ ได้โปรด' อิงฟ้าพร่ำบอกอย่างตกใจ แต่มันเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด รถยนต์คันนี้เป็นรถที่พ่อซื้อให้ ตอนที่เธอเรียนจบ ซึ่งอายุของมันก็นานหลายปีแล้ว พักหลัง ๆ รู้สึกจะเกเรบ่อยๆ แต่ไม่คิดว่าจะเกเรในวันที่ฝนตกแบบนี้ อิงฟ้ารีบเปิดไฟฉุกเฉิน แล้วค่อยๆ หักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง ตามแรงไหลเลื่อนสุดท้ายของรถคู่ใจ ก่อนจะดับสนิทลงข้างทาง เธอพยายามสตาร์ทใหม่ ซึ่งเหมือนจะติด แต่ก็ไม่ติด เธอพยายามหลายครั้งจนต้องล้มเลิก เมื่อไม่เห็นผล เธอได้แต่นั่งทอดถอนใจอยู่ในรถ ท่ามกลางสายฝน
นั่งรอสักพักจนฝนเริ่มซาลง แม้จะไม่หยุดสนิทเสียทีเดียว อิงฟ้าตัดสินใจวิ่งออกไปเอาร่ม ที่อยู่ด้านหลังรถก่อนที่ฝนจะตกลงมาหนักอีก ขณะที่เธอยืนกางร่มท่ามกลางสายฝน อย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี ระหว่างโทรตามช่างแล้วรอ ซึ่งคงต้องรอฝนหยุดตกช่างถึงจะมาได้ และไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน กับการที่จะเรียกรถแท๊กซี่กลับบ้านก่อน แล้วค่อยตามช่างมาดูหลังฝนหยุด
สายธารที่ออกมาทำธุระ ในวันหยุดของเธอ กำลังจะขับรถกลับบ้าน ท่ามกลางสายฝนพร่ามัว เธอมองเห็นหญิงสาวที่ดูคุ้นตา ยืนอยู่ข้างๆ รถที่เปิดไฟฉุกเฉิน บ่งบอกว่ารถมีปัญหา ด้วยความที่เป็นคนชอบช่วยเหลือคน ในยามที่รถกำลังจะแล่นผ่านไป เธอตัดสินใจหักพวงมาลัยรถเข้าจอดข้างทาง ก่อนที่จะคว้าร่มกางออกไปหาคนที่ยืนอยู่ริมถนน ท่ามกลางสายฝนเพียงลำพัง แม้เธอจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ยืนอยู่เป็นเพื่อน ก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้เธอยืนอยู่ตามลำพัง
"มีอะไรให้ช่วยไหมคะ"สายธารส่งเสียงถาม ขณะเดินเข้ามาใกล้
"พี่สายธาร..."อิงฟ้าพึมพำเรียกชื่อ อย่างประหลาดใจ ไม่น่าเชื่อว่ายามที่เธอมีปัญหา สายธารจะโผล่มาในช่วงเวลานี้
"อ้าว...อิงฟ้า...รถมีปัญหาเหรอคะ"สายธารเอ่ยถาม เมื่อเห็นหน้าชัดขึ้น
"ค่ะ...ขับมาอยู่ดีๆ ก็ขี้เกียจขึ้นมาซะเฉยๆ ค่ะ"
"แล้วโทรตามช่างหรือยังคะ"สายธารสอบถาม น้ำเสียงดูห่วงใย
"ยังค่ะ กำลังคิดว่าจะตามตอนนี้ หรือรอให้ฝนหยุดตกก่อนดี"
"ลองโทรดูก่อนก็น่าจะดีนะคะ เราจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ไปนั่งในรถพี่ก่อนดีกว่านะคะ"สายธารบอกอย่างรอบคอบ
อิงฟ้าเดินตามสายธารไปที่รถ เธอมองด้านหลังของคนที่เดินอยู่ด้านหน้า รู้สึกดีเหลือเกินที่สายธารเข้ามา ในช่วงเวลาที่เธอกำลังต้องการใครสักคน ในยามที่เธอกำลังลำบากแบบนี้ ขอบตารื้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
อิงฟ้าติดต่อช่างประจำที่ดูแลรถเธออยู่บ่อยๆ และรู้จักกันดี ช่างบอกจะรีบมาหา เพราะอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เธอนั่งอยู่ในรถกับสายธาร ท่ามกลางสายฝนที่ยังตกไม่หยุด ความรู้สึกของอิงฟ้าในตอนนี้ อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้เหลือเกิน แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต้นแรง จนกลัวว่าสายธารจะได้ยินก็ตาม
“อิงฟ้ามาทำธุระแถวนี้เหรอจ๊ะ...”สายธารถามทำลายความเงียบขึ้นมา
“อิงมานั่งเล่นใต้สะพานพระรามแปดน่ะค่ะ นั่งเพลินไปหน่อย จนฝนตกแล้วรถก็มาเกเร เลยทำให้พี่ต้องลำบากมาอยู่เป็นเพื่อนอิง”อิงฟ้าบอกเสียงแผ่วในตอนท้าย
“หือ...อย่าคิดแบบนี้สิค่ะ ถึงแม้ไม่ใช่อิงฟ้า พี่ก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน แต่พี่ก็ดีใจที่เป็นอิงฟ้า...”
“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ใช่พี่สายธารผ่านมาทางนี้ อิงก็คงจะแย่”อิงฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณตามคำพูด สายธารยื่นมือไปเกาะกุมมือน้อยๆ นั้นไว้อย่างเอ็นดู ทำเอาเจ้าของมือสั่นขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ยินดีช่วย อื้อ...บ้านอิงฟ้าอยู่แถวนี้เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ...อยู่ปิ่นเกล้าไม่ไกลมากค่ะ แล้วพี่สายธารล่ะค่ะ”อิงฟ้าตอบ ก่อนย้อนถามอย่างอยากรู้
“พี่อยู่แถวๆ ที่อิงฟ้าจากมาแหล่ะค่ะ แปลกนะคะ...พี่ก็ชอบไปนั่งเล่นที่สะพานพระรามแปดเหมือนกัน แต่ทำไมเราไม่เคยเจอกันเลย หรือว่าเคยเจอ แต่อาจเป็นเพราะพี่ไม่รู้จักอิงฟ้า แล้วอิงฟ้าเคยเจอพี่ไหมคะ”สายธารบอกเล่าเกี่ยวกับตัวเธอ ซึ่งไม่บ่อยครั้งนัก ที่เธอจะเล่าให้ใครฟัง โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จักอย่างอิงฟ้า แต่เธอกลับอยากบอกเล่า ให้คนที่นั่งจ้องตาแป๋ว...คนนี้ฟัง
“เคยเจอบ้างค่ะ”อิงฟ้าบอกเบาๆ
“แล้วทำไมอิงฟ้าไม่เข้าไปทักทายพี่ล่ะค่ะ ทั้งๆที่พี่บอกออกอากาศเสมอๆ ว่าอยากรู้จักอิงฟ้า”สายธารได้โอกาสตั้งคำถาม ที่เธออยากรู้มานานแล้ว
“อิงไม่กล้าค่ะ...”อิงฟ้าบอกเสียงแผ่วกว่าเดิม
“วันนั้นที่เดินชนกัน ก็ไม่ยอมทักทายพี่ เอ...หรือเป็นเพราะว่าอิงฟ้าไม่ได้อยากรู้จักพี่คะ”สายธารตั้งคำถาม พร้อมกับจ้องหน้ารอคำตอบ เธอรู้อยู่เต็มอกว่าอิงฟ้าเขินอาย เพราะตลอดเวลาที่คุยกัน อิงฟ้าไม่ยอมที่จะสบตาเธอเลยสักครั้ง แต่ก็ยังอยากรู้คำตอบ
“เปล่านะคะ...อยากรู้จัก อยากคุยด้วยมากๆ ค่ะ แต่...แต่อิงไม่กล้า”อิงฟ้าละล่ำละลักบอกความจริง ทำให้สายธารอมยิ้มอย่างรู้สึกดีที่ได้ฟัง
อิงฟ้ารู้สึกตัวเธอร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที เมื่อมองเห็นสายตาที่มีแววบางอย่างของสายธาร ที่จ้องมองมายังเธอไม่วางตา เธอรีบเบือนหน้าหลบสายตานั้นอย่างเขินอาย สายธารมองเสี้ยวหน้าของอิงฟ้าที่หลบตาเธอ เธอมองเห็นใบหน้านั้นเป็นสีเข้มขึ้น ด้วยความเขินอาย ทำให้เธอรู้สึกอยากแกล้งโดยที่เธอก็ไม่รู้ตัว
การที่ทั้งสองคนต้องนั่งอยู่ด้วยกันในรถแคบๆ ท่ามกลางสายฝน ทำให้ได้พูดคุยกัน และได้มีโอกาสมองดูหน้าตาของกัน และกันใกล้ขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และด้วยวัยกับประสบการณ์ของสายธารที่มีมากกว่าอิงฟ้า ทำให้เธอพอจะรู้ว่า อิงฟ้ารู้สึกอย่างไรกับเธอ
“อิงฟ้า ทำไมถึงได้ส่งข้อความแบบนั้นให้พี่มาตลอด นานเหมือนกันนะ”สายธารตัดสินใจเอ่ยถาม
“อิง...ก็...เอ่อ...ก็...เขียนไปตามความรู้สึก...ที่อยากจะบอกค่ะ”อิงฟ้ารู้สึกเหมือนจะหายใจติดๆ ขัดๆ ขึ้นมาอีก เมื่อเจอคำถามนั้น ก่อนจะรวบรวมความกล้า ถามกลับไปบ้าง
“พี่สายธาร...ไม่ชอบเหรอคะ ถ้าไม่ชอบอิงจะไม่ส่งไปอีกค่ะ”ถามเสียงแผ่ว หน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“ปะ...เปล่า พี่ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบสักหน่อย พี่ก็แค่อยากรู้เหตุผลเท่านั้นเอง ถึงยังไง...พี่ก็ขอบคุณอิงฟ้ามากเลยนะคะ ข้อความของอิงฟ้าที่พี่ได้รับ มันทำให้พี่รู้สึกดีทุกครั้ง”สายธารบอกออกไปตามความจริง แต่กลับทำให้อีกคนรู้สึกหัวใจพองโต เต้นแรงขึ้นมาทันที
อิงฟ้าคิดว่าเธอน่าจะรู้คำตอบ ที่เธอเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าเธอคิดอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ เธอชอบผู้หญิงคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเธอก็รู้เพิ่มเติมมาอีกอย่างหนึ่งว่า เธออยากอยู่ใกล้ๆ คนๆ นี้ เพราะเวลาที่เธออยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน นับจากนี้เธอจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้อยู่ใกล้กับความสุขของเธอ แบบนี้อีกตลอดไป อิงฟ้าอดยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง และต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกมีมือมาสะกิดให้เธอรู้สึกตัว
“อิงฟ้า...ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วคะ ถามได้หรือเปล่า...”สายธารตั้งคำถาม พร้อมกับรอยยิ้ม เธอเชื่อว่าอิงฟ้ารู้เรื่องราวของเธอเป็นอย่างดี เธอก็อยากจะรู้เรื่องราวของอิงฟ้าบ้าง
“28 ขวบแล้วค่ะ ทำไมจะถามไม่ได้...ถามได้ทุกเรื่องค่ะ อิงยินดีตอบทุกคำถาม”ตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส ทำเอาคนที่มองมา รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาเหมือนกัน
“โห...ทำเอาพี่แก่ไปเลยนะคะ เราอายุห่างกันตั้ง 12 ปี รอบหนึ่งเลยนะเนี่ย...”สายธารอุทานอย่างตกใจ เธอรู้ว่าอิงฟ้าเด็กกว่าเธอแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเด็กมากขนาดนี้
“แค่ 12 ปีต่างหากค่ะ อายุเป็นเพียงตัวเลข” อิงฟ้าโต้แย้งคำพูดของสายธาร ทำให้สายธารต้องหันกลับไปมองหน้าอิงฟ้า ที่จ้องมองมาอย่างจริงจังในคำพูดนั้น เหมือนอยากให้สายธารรับรู้ความรู้สึกของเธอ ยามนี้กลับเป็นสายธารเองที่หลบสายตาของอิงฟ้า
“ดูเหมือนว่าช่างจะมาแล้วนะคะ”สายธารถอนใจอย่างรู้สึก โล่งอก รีบบอกเมื่อมองกระจกหลัง เห็นรถมาจอดต่อท้าย พร้อมกับผู้ชายที่เดินตรงไปที่รถของอิงฟ้า ซึ่งน่าจะเป็นช่าง อิงฟ้าหันไปมองตามที่สายธารบอก เมื่อเห็นว่าเป็นช่างจริงๆ เธอจึงเปิดประตูลงไป โดยมีสายธารกางร่มให้ อิงฟ้ามองอย่างรู้สึกขอบคุณและอบอุ่น
“คงต้องรอให้ฝนหยุดก่อน ผมถึงจะดูให้ได้ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมโทรแจ้งคุณอิงนะครับ คุณอิงกลับไปก่อนได้เลย ถ้าเรียบร้อยแล้วผมจะขับไปส่งให้ที่ร้านครับ”ช่างบอกกับอิงฟ้า เมื่ออิงฟ้าได้บอกถึงอาการของรถเธอให้ฟัง พร้อมกับยื่นกุญแจรถให้ช่าง หลังจากเก็บเอาข้าวของที่จำเป็นออกมาแล้ว
“เดี๋ยวอิงเรียกแท็กซี่กลับเลยนะคะ พี่จะได้กลับบ้าน เสียเวลากับอิงมานานแล้ว ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”อิงฟ้าบอกสายธาร
“ไม่ได้ค่ะ...พี่จะปล่อยให้อิงฟ้ากลับแท็กซี่คนเดียว ทั้งๆ ที่ฝนตกแบบนี้ได้อย่างไร ให้พี่ไปส่งนะคะไปขึ้นรถเลย ยืนอยู่แบบนี้หนาวนะคะ”สายธารรวบรัด ในขณะที่อิงฟ้าลังเล เพราะความเกรงใจ
“ทำไมคะ หรือว่าอิงฟ้าไม่อยากให้พี่ไปรู้จักบ้าน เอ...หรือว่ามีใครรออยู่ที่บ้านคะ”สายธารตั้งคำถาม เมื่อขับรถไปตามทางที่อิงฟ้าบอก
“เปล่าค่ะ อิงแค่รู้สึกเกรงใจพี่” อิงฟ้าทอดเสียงเบาอย่างรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“โธ่เอ้ย...คิดมากนะเราเนี่ย...”สายธารพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับหัวของอิงฟ้าโยกเบาๆ อย่างเอ็นดู
อิงฟ้ารู้สึกดี และอบอุ่นเหลือเกิน ที่สายธารทำแบบนี้ เธอนึกอยากให้ถนนเส้นที่มุ่งหน้าสู่บ้านของเธอ ทอดยาวไกลออกไป ไกลแสนไกลจัง เธอจะได้นั่งอยู่ข้างๆ คนที่ทำให้หัวใจเธออุ่น แบบนี้ไปอีกนานๆ
‘อย่าปล่อยให้ฉันยืน อยู่คนเดียวเปลี่ยวใจเหลือทน
ฝ่าพายุ ฝ่าแดดลมฝน จนมาพบเธอ
อย่าปล่อยให้ฉันรอ ด้วยใจท้อ และทรมาน
เปิดประตูให้ฉันพักพิงอิงแอบ สักครั้ง
ถ้าหากใจเธอนี้ มีผู้ใดครอบครอง
มีเจ้าของ จับจองเอาไว้ก่อน
ขอซอกเพียงเล็กเล็ก ที่จะพอซุกนอน
ตื่นขึ้นมา ก็พร้อมจะจากไป’
***ขอเพียงที่พักใจ-มาลีวัลย์***