วันนี้เป็นการทำงานที่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจจริงๆสำหรับคนที่เพิ่งผ่านการทำร้ายจิตใจอย่างมัทนาท่าทางซึมเศร้าและการถอนหายใจอยู่บ่อยครั้งทำให้คนที่เดินผ่านอดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้
“เป็นอะไรไปเหรอหนูมัท”
มัทนาหันไปส่งยิ้มให้คนถามก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธแทนคำพูด
“ลุงอาจช่วยหนูไม่ได้แต่คนแก่อย่างลุงอาจมีคำแนะนำดีๆให้ก็ได้นะ”
น้ำเสียงและรอยยิ้มที่ดูจริงใจทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ก็อดที่จะพ่นลมหายใจออกมายาวๆอีกไม่ได้
“เอ้า…เหมือนจะหนักกว่าเดิมอีกนะลุงว่า”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะลุง”
“ไม่ขนาดนั้นก็ไม่ขนาดนั้นงั้นลุงไปก่อนนะ”
ลุงชัยเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินไปหยิบย่ามของตัวเองที่วางอยู่ขึ้นมาสะพายก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับคนที่นั่งทำท่าทางเบื่อโลกอีกครั้ง
“ลุงไปก่อนนะ”
“ลุงว่าพ่อแม่จะรักลูกของตัวเองหมดทุกคนหรือเปล่าคะ”
คนที่กำลังจะเดินไปหยุดการก้าวเดินทันทีก่อนจะหันมามองหน้าคนพูดด้วยความเอ็นดู
“ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกของตัวเองหรอก”
“แต่บางคนเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจให้เราเกิดนิคะแล้วความไม่ตั้งใจจะเรียกว่าความรักได้ยังไง”
“ที่บอกว่าเราหมายถึงตัวหนูเองหรือเปล่า”
ประโยคที่ได้ยินทำเอามัทนาถึงกับก้มหน้าลงพื้นอย่างรวดเร็วจนคนถามต้องเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อให้กำลังใจ
“อย่าไปมองไกลมองที่ตัวเองนี่แหละที่คิดว่าเค้าไม่รักลองย้อนกลับไปดูในสิ่งที่เค้าทำเพื่อเราสิอย่างลุงพ่อกับแม่ไม่เคยบอกว่ารักซักคำแต่ลุงก็รับรู้ได้ที่ตรงนี้”
คนพูดชี้ไปที่หัวใจของตัวเองก่อนจะกำมือไว้แน่น
“ลุงพูดอะไรผิดหรือเปล่าดูทำหน้าเข้า”
“เปล่าค่ะมัทต้องขอบคุณลุงต่างหากที่พูดให้มัทเข้าใจอะไรๆมากขึ้น”
คนฟังหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าเก้อเขินก่อนจะตบไหล่คนที่นั่งอยู่อีกครั้ง
“ลุงทำได้แค่นี้แหละดีใจนะที่ทำให้หนูมัทรู้สึกดีขึ้นแต่ตอนนี้ลุงต้องไปก่อนพูดมากจนชักจะหิวแล้ว”
“ค่ะ ขอบคุณลุงอีกครั้งนะคะ”
มัทนาเอ่ยออกมาจากใจจริงก่อนจะยิ้มน้อยๆเมื่อคิดถึงเรื่องที่ได้คุยไปเมื่อสักครู่ เธอนึกตำหนิตัวเองที่ดันมีความคิดด้านลบทันทีที่ได้ยินความจริงทั้งหมดจากปากของบิดา ที่จริงเธอน่าจะคิดได้ว่าถึงพ่อกับแม่จะไม่ได้รักกันแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านทั้งสองจะไม่รักเธอในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อกับแม่ทำก็เพื่อเธอทั้งนั้นและตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เธอควรจะทำเพื่อท่านทั้งสองบ้าง
เมื่อไม่มีทางเลือกเธอก็จะยอมรับทุกสิ่งไว้เองหากจะทำให้ความแค้นในใจของคนที่เคยถูกพ่อแม่เธอทำร้ายได้เบาบางลงบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าทั้งชีวิตของเธอจะเพียงพอหรือเปล่า
ตกเย็นเลิกงานมัทนาได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาเรียกชื่อตัวเองจากประตูรั้ว หญิงสาวเดินไปดูก็พบว่ามีคนเกาะรั้วตะโกนเรียกชื่อเธออยู่จริงๆ
“สวัสดีมัท”
“สวัสดีค่ะ”
มัทนาทักทายกลับพร้อมกับเดินเข้าไปหากมลเนตรใกล้ๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คิดถึง”
กมลเนตรเอ่ยเสียงดังพร้อมกับหัวเราะออกมาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูอึ้งๆของคนฟัง
“ไม่ชินอีกเหรอ”
“เอ่อ ก็คงจะอีกนานอะค่ะ”
“ไม่เป็นไรเนตรมีเวลาให้มัทอยู่แล้ว”
คนพูดยิ้มกว้างพร้อมกับยื่นของบางอย่างมาให้คนตรงหน้า
“ของฝากเนตรว่ามันเหมาะกับมัทมากเลยนะ”
“ขอบคุณนะคะแต่มัทคงรับไว้ไม่ได้”
มัทนาเอ่ยปฏิเสธทันทีเมื่อมองเห็นกล่องนาฬิกาที่แค่เห็นเพียงแว๊บๆเธอยังรู้เลยว่าเป็นของมียี่ห้อและราคาแพงมากแค่ไหน
“ไม่ได้นะเนตรตั้งใจไว้แล้วห้ามปฏิเสธเด็ดขาด”
“มัทก็รับไว้ไม่ได้เหมือนกันค่ะถ้าไม่มีอะไรแล้วมัทขอตัวก่อนนะคะ”
คนพูดกำลังจะหันหลังเดินไปทำให้กมลเนตรต้องงัดไม้ตายออกมานี่ถ้าประตูไม่ล็อคเธอคงทำอะไรได้มากกว่านี้
“ถ้ามัทไม่รับเนตรจะไม่กลับเข้าบ้านจะยืนอยู่ตรงนี้แหละ”
คนฟังถึงกับหยุดเดินก่อนจะหันกลับมาหาคนพูดที่ทำหน้าตามุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองเอ่ยออกมา
“ก็…ตามใจคุณ”
กมลเนตรแทบจะร้องกริ๊ดเมื่อถูกเมินแต่สาวหมวยก็สามารถระงับการกระทำนั้นไว้ได้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตีหน้าเศร้าแทน
“เนตรแค่อยากให้เป็นของขวัญสำหรับคำว่ามิตรภาพของเรา”
คนพูดก้มหน้าลงพื้นก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นปาดของเหลวที่คลออยู่ในดวงตา
“เนตรไม่ค่อยมีเพื่อนหรอกนะการได้รู้จักมัทมันทำให้เนตรรู้สึกดีใจมากเลยอยากทำอะไรดีๆให้”
มัทนามองคนพูดด้วยด้วยรู้สึกผิดปนสงสารก่อนจะเดินกลับไปที่ขอบรั้วอีกครั้ง
“มัทขอโทษนะคะที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”
“ไม่เป็นไรหรอกเนตรเข้าใจแยกย้ายกันเถอะขอโทษด้วยที่มากวนใจ”
กมลเนตรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆพร้อมกับหันหลังเพื่อเดินเข้าบ้านแต่แล้วหญิงสาวก็ต้องยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อแขนของเธอกำลังถูกมือของคนข้างหลังฉุดเอาไว้
“ซื้อของมาฝากคนอื่นแต่จะเอากลับฟังดูแปลกๆนะคะ”
“ก็มัทไม่อยากได้”
“ใครบอกล่ะคะมัทดีใจมากแต่คราวหน้าไม่ต้องแล้วนะคะมัทเกรงใจ”
คนพูดเอ่ยออกมาก่อนจะรับถุงของฝากด้วยรอยยิ้ม
“เนตรดีใจที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ”
“มัทต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณมาก”
คนทั้งคู่ต่างก็ส่งยิ้มให้กันก่อนจะได้เวลาแยกย้าย มัทนามองของในมืออย่างหนักใจจะปฏิเสธก็สงสารคนให้แต่ไม่นานความหนักใจก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นใครบางคนจ้องมองมาทางตัวเอง
ภายในรถไม่มีการพูดคุยหรือแม้แต่มองหน้าอาจสืบเนื่องมาจากเรื่องของเมื่อคืนที่เหมือนจะเป็นการทะเลาะที่รุนแรงจนทำให้หทัยภัทรไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ
เมื่อรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านมัทนาก็ได้แต่ก้มหน้าเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะเตรียมเดินไปยังที่พักแต่แล้วเธอก็ต้องหันกลับไปหาคนที่จู่ๆก็ฉกเอาถุงที่เธอถือไป
“สวยดีนะ”
ไม่พูดเปล่าแต่หทัยภัทรถือวิสาสะเปิดดูของข้างในทันทีก่อนจะปิดลงแล้วโยนกลับคืนไปให้เจ้าของ
“ราคาคงหลายหมื่นเธอนี่เก่งนะมาอยู่ไม่เท่าไหร่เอง”
“คุณพูดอะไร”
“อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยถ้าเป็นแบบนี้อีกไม่กี่เดือนเธอคงมีเงินมาคืนฉันแล้วล่ะ อ้อ…อย่าลืมดอกด้วยล่ะ”
“มันจะมากไปแล้วนะ!”
มัทนากำมือไว้แน่นพร้อมกับการพยายามสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา
“ทำท่าทางแบบนี้โกรธที่ฉันรู้ทันหรือยังไง”
“มัทขอตัวก่อนนะคะ”
“จับไว้ให้แน่นๆนะอีกไม่นานจะได้ฟื้นตัวได้ทั้งบ้าน”
คนพูดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลนแต่แล้วหทัยภัทรก็ต้องรีบเดินถอยหนีเมื่อคนที่ตัวเองว่าให้กำลังเดินเข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็ว
“ถอยไป!”
“ทำไมคุณต้องคอยดูถูกคนอื่นอยู่ตลอดเวลาอย่างเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินคนอื่นแบบนี้”
“ฉันพูดเรื่องจริงทำไมรับไม่ได้หรือไง”
“ไม่รับแล้วก็อย่าพูดแบบนี้อีก”
มัทนาจ้องมองคนตรงหน้าเหมือนจะเอาเรื่อง
“ทำไมจะพูดไม่ได้ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหัวอ่อนพวกนั้นนะที่จะต้องยอมเธอ”
“ก็ใช่น่ะสิเพราะคุณไม่น่ารักเท่าพวกเธอหรอก”
“มัทนา!”
“ถ้าไม่มีอะไรมัทขอตัวก่อนนะคะว่าจะไปเปลี่ยนใส่นาฬิกาใหม่ซะหน่อย”
คนพูดทำหน้ากวนๆก่อนจะแกว่งถุงในมือลอยผ่านหน้าคู่สนทนาไปมา
“ฉันเชื่อว่าซักวันผู้หญิงคนนั้นจะต้องตาสว่าง”
หทัยภัทรกัดฟันพูดอย่างเจ็บแค้นก่อนจะหันหลังให้มัทนาทันที
“ถึงผู้หญิงคนนั้นจะตาสว่างแต่มัทก็ยังมีคนที่มือหนักกว่าอยู่ใกล้ๆ…ใช่มั้ยคะ”
มัทนากระซิบที่ข้างหูของคนที่ยืนหันหลังให้ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาพร้อมการเน้นหนักที่ประโยคสุดท้าย
“อย่าลืมสิว่าครั้งแรกที่คุณหทัยภัทรทุ่มให้มัทมันมากกว่านี้ตั้งกี่เท่า”
คนฟังถึงกับควันออกหูก่อนจะหันมาฟาดฝ่ามือลงที่แก้มของคนพูดอย่างแรง
“อย่าอวดดีทั้งๆที่ไม่รู้อะไรและจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าฉันไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวเธอ”
พูดจบหทัยภัทรก็เดินกลับเข้าบ้านทันทีแม้จะรู้สึกใจหายอยู่บ้างเมื่อมองเห็นรอยฝ่ามือบนแก้มของอีกฝ่ายแต่ในตอนนี้เธอว่ามัทนาสมควรที่จะโดนอะไรแบบนี้บ้างโทษฐานที่กล้าเอาเธอไปเปรียบกับผู้หญิงคนนั้นพอคิดถึงข้อนี้ใบหน้าของกมลเนตรก็ลอยเข้ามาในความคิดทันทีพร้อมกับภาพเหตุการณ์การให้ของกันด้วยท่าทางออดอ้อนนึกได้แค่นั้นอารมณ์โมโหของนายหญิงของไร่ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก่อนที่จะจบลงด้วยความคิดที่ว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง
มัทนามองคนที่เดินเหวี่ยงเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะลูบหน้าตัวเองเบาๆ รอยบนหน้านี้ทำให้เธอถึงกับชาไปหมดแต่มันก็สมควรแล้วและเธอก็ไม่นึกโกรธคนทำแม้แต่น้อยทั้งๆที่ตั้งใจจะชดเชยให้หทัยภัทรแต่เธอกลับเผลอไปต่อปากต่อคำจนทำให้อีกฝ่ายโมโหอีกจนได้แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่มไถ่โทษซะทีล่ะเนี้ย…
หมายเหตุ
1. หนังสือจัดส่งวันนี้แล้วนะคะ ไรท์แจ้งตามเมล์ เฟส line แล้วน๊าหากภายในอาทิตย์นี้ใครยังไม่ได้ให้แจ้งมาน๊า
* ส่วนใครสนใจสามารถสั่งได้อยู่นะคะไรท์สั่งเผื่อมาแล้ว อิอิ
2. แฟนนิยายที่สั่งเป็นไฟล์ pdf ไรท์ส่งให้แล้วนะคะใครยังไม่ได้แจ้งไรท์ด้วยนะคะ
จะได้ส่งให้ใหม่ ^^
3. ส่วนใครที่อยากได้เป็น e-book สามารถเข้าไปโหลดได้แล้วนะคะที่
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=10848นิยายเรื่องอื่นๆ
คุณหนูที่รัก yuri
http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=975576 ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri
http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=552259 เกมรัก สะดุดใจ yuri
http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=847672 ปีกรัก yuri
http://writer.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1003521 สัญญาวิวาห์กำมะลอ yuri
http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1044762 สามารถสั่งซื้อได้แล้วจ้า
แบบe-book ก็มีนะค่ะเข้าไปดูได้ที่
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ