web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 135
Total: 135

ผู้เขียน หัวข้อ: ผืนน้ำแห่งความรัก บทที่ 04  (อ่าน 1222 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
ผืนน้ำแห่งความรัก บทที่ 04
« เมื่อ: 26 ธันวาคม 2013 เวลา 22:47:09 »
บทที่ 4

ผมดำยาวสลวยปลิวไปตามแรงลม เพียงฟ้ายืนที่ริมระเบียงหลังห้องมองพระอาทิตย์เคลื่อนตัวลับหายไป

เธอไม่แน่ใจว่าเธอควรจะทำอะไรในตอนนี้ เหมือนโลกนี้เหลือแต่เธออยู่เพียงผู้เดียว กี่คืนแล้วที่มองดูดวงตะวันและดวงจันทร์ผันเปลี่ยนกันทำงาน กี่ครั้งที่เธอถามดาวในใจว่าเมื่อไหร่ความอ้างว้างเดียวดายจะหยุดลง กี่คราแล้วที่ความคิดของเธอบอกว่าความตายช่างเป็นทางออกที่แสนเย้ายวน เธอได้แต่มองไปข้างหน้าหาคำตอบ



เพียงฟ้ายืนอยู่หน้าประตูไม้หน้าบ้านสีขาวหลังเล็ก เธอเดินดูดอกไม้ใบหญ้าเพื่อถ่วงเวลาที่จะพบเจอใครบางคนหลังแผ่นไม้นั้น คำถามถึงความเหมาะสมผุดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดใจเธอก็พ่ายแพ้ให้แก่ความสับสนและยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างยอมจำนน

ไม่นานนักอรอุมาก็แง้มประตูพร้อมยื่นใบหน้าเรียวออกมาดู เธอจ้องตาสีดำสนิทนั้นตอบ ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ชั่วขณะก่อนที่ผู้หญิงประหลาดจะเปิดประตูกว้างแล้วเดินหายเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำเชิญใดๆ

“คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า” เธอถาม

อรอุมาหันมามองเธอ ตาสีดำนั้นทำให้เพียงฟ้ารู้สึกเหมือนถูกมองลึกไปถึงไหนต่อไหน เหมือนว่าทุกอย่างที่ซ่อนเร้นถูกเปิดเผยอย่างง่ายดายเพียงแค่ดวงตาคู่นั้นจ้องมอง

“ตามมาสิ” สาวสวยตอบแล้วเดินไปหยุดหน้าประตูไม้สีดำ

เมื่อหล่อนเปิดประตูไม้อย่างเชื่องช้า เพียงฟ้าก็ได้กลิ่นสีอย่างชัดเจน ในห้องเต็มไปด้วยภาพวาดมากมาย บ้างพิงข้างฝา บ้างกองระเกะระกะอยู่บนพื้น หลายสิบภาพถูกแขวนติดเต็มผนังห้องสีขาว ภาพเหล่านั้นเน้นสีดำเป็นหลัก ชวนให้รู้สึกเศร้าและหดหู่ แต่มีภาพหนึ่งกลางห้องที่ดูแปลกแยกแตกต่างจากภาพอื่นโดยสิ้นเชิง ภาพทุ่งดอกไม้กำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างอยู่บนผืนผ้าใบ กลางทุ่งมีผู้หญิงยืนโดดเดี่ยวหัน เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร เกี่ยวกันแค่ไหนกับความรู้สึกของคนที่วาดมัน

ตาสีเข้มมองผืนผ้าอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบพู่กัน แตะแต้มสีอย่างช้าๆ ป้ายตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อย เพียงชั่วครู่ทุ่งดอกไม้ที่แสนงดงามก็เสร็จสิ้น เหลือเพียงหญิงสาวกลางรูปที่อรอุมาไม่ลงสีแต่อย่างใด ปล่อยให้เป็นโครงร่างอยู่อย่างนั้น

“ไม่วาดผู้หญิงคนนั้นหรือ” เพียงฟ้าอดไม่ได้ที่จะถาม

“ไม่ใช่ตอนนี้” หล่อนตอบพร้อมยิ้มประหลาด คิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง แต่สายตาก็ไม่ได้ละจากรูปนั้น

“คืนนี้ขอค้างที่นี่ได้ไหม” เธอมองคนตรงหน้ารอคำตอบ

อรอุมายิ้มเล็กน้อยก่อนจะจูงมือเธอเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน

“คุณเคยวาดดาวไหม” เพียงฟ้าถามขณะที่มองดูจุดเล็ก ๆ บนท้องนภาที่ส่องแสงเปล่งประกาย

“ฉันวาดความว่างเปล่าไม่ได้” หล่อนตอบเสียงเรียบ

“แล้วคุณวาดอะไรได้บ้าง” เธอพอจะเข้าใจคำตอบของหญิงสาวตาสวยได้ดี

“ความทุกข์” หล่อนตอบสั้นๆ แต่คำพูดนั้นทำให้คิ้วของเธอชนกันด้วยความสงสัย

“คุณมีมันมากนักเหรอ” เพียงฟ้าหลุดปากถามสิ่งที่เธออยากรู้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ

อรอุมาละสายตาจากท้องฟ้ามามองหน้าเธอ ก่อนจะหันกลับไปเหมือนเดิมและหลับตา...



กาแฟส่งกลิ่นหอมอยู่หน้าอรอุมา กาแฟถ้วยโปรดเหมาะกับการฉลองจบปริญญาของเธอ ต่อจากนี้เธอจะได้วาดรูปที่เธอรักได้อย่างเต็มที่เสียที ไม่ต้องแบ่งเวลาไปทำนู่นทำนี่ให้หงุดหงิดใจ

“สวัสดีฮะ” เสียงแหบห้าวดังขึ้นมา

เธอหันไปมองต้นเสียงก็ได้เจอกับทอมคนหนึ่ง หน้าเรียวขาว สวย หวานอีกต่างหาก หากเป็นผู้หญิงคงสวยมาก แต่ถึงเป็นทอมก็ดูเท่ในสายตาเธออยู่ดี

“นั่งด้วยได้รึเปล่าฮะ” ตาที่มองเธอดูเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น อรอุมาพยักหน้าอย่างงุนงง

“เอ่อ...ชื่ออะไรฮะ ผมนิลนะ” เขาดูขัดเขินและประหม่าเล็กน้อยเวลาพูดกับเธอ เหมือนไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นคุยกับเธออย่างไรดี

“อรค่ะ” เธอตอบพร้อมกับอดยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของคนข้างๆ ไม่ได้

เพียงแค่เวลาชั่วโมงเศษ แต่เธอรู้สึกเหมือนรู้จักคนๆ นี้ มาทั้งชีวิต เขาน่ารัก คุยเก่ง ชวนเธอคุยได้ไม่เบื่อหน่าย และดูเหมือนเขาจะชอบเธออยู่นิดหน่อย ถ้าเธอมองไม่ผิด อรอุมายิ้มให้กับความคิดนั้น บางทีเขาและเธออาจคิดเหมือนกันก็เป็นได้

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ร้านใกล้ปิดเต็มทน แต่เธอและเขาก็ยังฝืนนั่งกันอยู่ตรงนี้ เหมือนกับว่าอยากจะยื้อการสนทนาจนถึงวินาทีสุดท้าย ทั้งๆ ที่ว่าอีกไม่กี่นาทีทุกอย่างที่เริ่มตรงนี้ก็ต้องจบลง

“ว้า...ร้านปิดไฟไล่แล้วล่ะฮะ วันนี้ผมมีความสุขมากเลย พรุ่งนี้อรจะมาอีกรึเปล่าฮะ” เขาตัดบทเมื่อไฟทั่วร้านดับลง เหลือเพียงแสงสลัวพอมองเห็น

“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ” เธอไว้เชิงทั้งๆ ที่ในใจคิดว่า เธอจะมาแน่นอน มาเพราะอยากเจอเขา อยากคุยเหมือนวันนี้ อยากรู้จักเขามากขึ้นอีกหน่อยถ้ามีโอกาส

“งั้นเหรอฮะ ผมชอบกาแฟร้านนี้นะ ถ้าอรมาคงได้เจอกัน” เขาชะงักเล็กน้อยกับคำตอบของเธอ ปกติแล้วทุกคนที่เขาเคยคุยด้วยมักจะรับปากทันที เขาไม่ได้หลงตัวเอง เพียงแต่รู้ว่าหน้าตาของเขาทำให้คนที่คุยด้วยนั้นปฏิเสธไม่ได้ต่างหาก

“ค่ะ ถ้ามาคงได้เจอกัน” เธอยิ้ม ก่อนหันหลังและเดินออกจากร้าน



“แม่คะ ลูกมีความสุขมากเลยวันนี้” เธอบอกพร้อมกับเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่จากด้านหลัง

“รู้แล้วจ้า ว่าเรียนจบ เป็นเอามากนะเรา” คุณอนงค์พูดพร้อมกับมองไปที่ลูกสาว

“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะแม่ เรื่องอื่นต่างหาก” อรอุมากอดแม่พร้อมกับโยกเอวแม่ไปมาเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

“งั้นเรื่องอะไรจ๊ะ” คุณอนงค์ชักอยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อย นานทีลูกสาวจะมีความสุขแบบนี้สักที ปกติเธอจะเห็นแต่เจ้าตัวยุ่งทำหน้ามุ่ยอยู่ทั้งวัน

“ลูกไปเจอใครคนหนึ่งมาค่ะ และเขาก็น่ารักมากกก ถ้าแม่เจอแม่ต้องชอบแน่เลย เขานิสัยดีนะคะ” เธอสาธยายเสียยืดยาว หวังให้แม่เห็นคุณงามความดี

“อะไรกันลูกคนนี้ เจอใครไม่รู้แค่วันเดียวก็มาคุยให้แม่ฟังเป็นตุเป็นตะ” คุณอนงค์ทำสายตาดุเล็กน้อย

“แต่...ถ้าดีจริงอย่างลูกว่า แม่ก็อยากจะเจอนะ” พอพูดจบลูกสาวตัวดียิ้มกริ่มพร้อมกับกอดเธอแน่นมากกว่าเดิม

“จริงนะคะแม่” อรอุมาไม่วายถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

“จริง แต่ลูกต้องดูเขาให้มากกว่านี้นะจ๊ะ แล้วมั่นใจเมื่อไหร่ค่อยพามาให้แม่ดู” อนงค์ยืนยัน

“รักแม่ที่สุดเลย” เธอปล่อยเอวแล้วเขย่งจูบแก้ม ก่อนเดินตัวปลิวเข้าห้อง

“เฮ้อลูกคนนี้” คุณอนงค์บ่นด้วยรอยยิ้มก่อนลงมือทำอาหารเย็นต่อจากที่ค้างไว้



เธอนั่งมองรูปดอกลิลลี่สีเหลืองบนเฟรมมานานแล้วไหร่แล้วนะ อรอุมารู้สึกว่าสมาธิของเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้ เหมือนมันไปอยู่ ณ ที่อื่น อยู่ที่ใครบางคน คนที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงตลอด 3 วันที่ผ่านมา นิ้วเรียวแตะปลายพู่กันกับสีชมพูอ่อนที่ได้ผสมไว้ แต่แล้วมือเธอก็นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ‘วาดไม่ได้’ เธอวางพู่กันลง แล้วสบถกับตัวเองยกใหญ่ ยิ่งคิดถึงต้นตอของสาเหตุอารมณ์ของเธอก็ยิ่งแย่ลงไปเท่านั้น รู้ว่าตัวเองกำลังวิ่งหนีสิ่งที่ไม่รู้จัก กลัวจะรู้จัก แต่หนีพ้นเหรอ การที่เธอหงุดหงิดจนทำอะไรไม่ได้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าการกระทำตลอดเวลาที่ผ่านมาล้มเหลวไม่เป็นท่า

“เฮ้อ...” เธอคิดมากไปรึเปล่า บางทีทุกอย่างอาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น มันก็เป็นแค่การคาดคะเนของเธอเอง ไม่มากไปกว่านั้น ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ที่เธอมานั่งกลัวความรัก

หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินอย่างช้าๆ ไปที่ห้องนอนพร้อมกับเสียงถอนหายใจ ถ้าความรักเป็นปีศาจ เธอก็ควรไปยืนหน้ามัน เอาโซ่ล่าม แล้วพยายามขี่คอ เสียงหัวเราะเล็กๆ หลุดลอดริมฝีปากของเธอ



ร้านกาแฟอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอมองผ่านกระจกใส แล้วเขาก็อยู่ตรงนั้น ที่เดิมที่เคยคุยกัน ทุกอย่างพร้อม...ยกเว้นเธอ แค่เห็นหน้าแวบๆ ใจก็กระตุกแล้ว ช่างไม่รักดีเสียจริง ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไปนั่งเผชิญหน้ากันเธอจะเป็นยังไง หรือควรจะหันหลังกลับซะตอนนี้ ความคิดหนีวนมาอีกครั้ง ไม่ เธอจะไม่หนีอีกแล้ว เธอยืนอยู่ใกล้ขนาดนี้ จะไม่มีวันที่เธอจะหันหลังแล้วเดินจากไป

มือเรียวผลักบานประตูใสเข้าไป อากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศช่วยเธอได้มากทีเดียว อรอุมาเลือกโต๊ะนั่งในสุดของร้าน มันทำให้เธอไม่อยู่ในสายตาของผู้คน ไม่โดนรบกวน และมีเวลาให้ตัวเองคิด เธอไม่อาจไปนั่งใกล้เขา เพราะมันเหมือนกับประกาศอย่างหน้าไม่อายว่า เธอคิดถึงจนทนไม่ไหว อรอุมารู้ตัวดีว่าไม่มีวันยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองมากขนาดนั้น

เธอก้มหน้าก้มตาดื่มกาแฟ แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อเขากระแอมไอ

“เจอกันอีกแล้วนะฮะ” เขายิ้มจนเห็นฟันขาว

“ค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ ให้

“เอ่อ...นั่งด้วยได้ไหมฮะ” นิลพูดด้วยท่าทีขัดเขินเล็กน้อย

“ได้ค่ะ” อรอุมาผายมือเชื้อเชิญ

นิรานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อว่า

“ผมนึกว่าจะไม่เจออรแล้วซะอีก” เขายิ้มเศร้าๆ

“อ้อ ไม่ค่อยว่างน่ะค่ะ” ปากเธอยิ้ม แต่ในใจเธออยากหัวเราะมากกว่า ไม่ใช่ไม่ว่างแต่เธอไม่อยากว่างต่างหาก

“เหรอฮะ ผมนึกว่าเป็นเพราะไม่อยากเจอผม” นิลทำท่าทางหดหู่

“ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณคงคิดมากไป” เธอยิ้มยืนยัน

นิลชวนเธอคุยเรื่องสัพเพเหระ เธอคิดว่าชีวิตเขาหน้าสนใจไม่น้อย ดูมีระเบียบแบบแผน ต่างกับเธอโดยสิ้นเชิงที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึก ไม่เคยที่จะวางแผนอะไร อรอุมาเคยได้ยินมาว่า ถ้าคนที่แตกต่างกันมากๆ มาอยู่ข้างกันจะรักกันยืนยาว เพราะต่างก็เป็นส่วนเติมเต็มให้อีกฝ่าย เธอจะรอดูว่าคำพูดนี้เป็นจริงได้สักแค่ไหน หญิงสาวยิ้ม



อรอุมารู้สึกเต็มกลืนกับคาเฟอีน การมาเดินเล่นในสวนสาธารณะก็ไม่เลวร้ายอะไร ดีเสียอีกที่ได้มาผ่อนคลาย สูดกลิ่นดินกลิ่นหญ้าตัดใหม่ที่สดชื่น มีชีวิตชีวา

“ถามอะไรหน่อยได้ไหม” เธอโพล่งออกมา

“อะไรฮะ” นิลเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“ทำไมถึงชอบอร” หญิงสาวกัดฟันเบาๆ ก่อนพูดออกไป

“อืม...มันพูดยากนะฮะ” เขาทำท่าครุ่นคิด

“ผมเห็นหน้าอรแล้วผมรู้สึกว่า คนนี้ใช่เลย ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นยังไง แต่ผมไม่ได้แค่ชอบหรอกนะฮะ ผมรักอรต่างหาก” เขายิ้มกว้างให้กับเธอ

เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของหญิงสาว เป็นการบอกรักที่เธอไม่ทันตั้งตัว ไม่มีบรรยากาศโรแมนติก ไม่มีการสบตาซึ้งๆ มีแต่คำพูดตรงไปตรงมา เธอยิ้ม อย่างน้อยก็มีคำบอกรัก และมันก็ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงนั้น

นิรามองหน้าเธอเหมือนรอคอยบางอย่าง อรอุมาคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะบอกรักตอบ ที่เธอทำได้ในตอนนี้คือเลื่อนไปจับมือของเขาไว้เท่านั้น นิลยิ้มอย่างดีใจ และกระชับมือแน่น

เสียงฝนดัง ‘แปะ แปะ’ ที่นอกหน้าต่าง ฟ้าคำรามให้ได้ยินอยู่เป็นระยะๆ อากาศเย็นสบาย กลิ่นบุหรี่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ

อรอุมามองคนข้างๆ ที่นั่งเหม่อ เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ อาจเป็นสิ่งที่เพิ่งผ่านพ้นมา สิ่งที่ไกลออกไป หรืออาจไม่ใช่ทั้งสองอย่าง

“คิดอะไรอยู่...หืม” เธอถามเสียงแผ่ว

“คิดถึงคุณ” นิลประกบริมฝีปากเธอ กลิ่นและรสชาติของบุหรี่ทำให้จูบนี้ไม่หวานเหมือนที่น่าจะเป็น

เขาเริ่มละริมฝีปากนุ่มไปยังส่วนอื่น แต่หญิงสาวขืนตัวไว้ เธออยากรั้งให้เขามาคุยบางเรื่องเสียก่อน

“อะไรฮะ” นิราทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ

“คุยกันก่อนค่ะ” เธออมยิ้มกับสีหน้าของเขา

“เรื่องอะไรฮะ” เขาใช้นิ้วม้วนผมเธอเล่น

“คือ...อรอยากให้นิลไปเจอกับแม่อร” หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการบังคับเขาเกินไปไหม

“ไปเจอก็ดีนะฮะ ผมจะได้ไปฝากตัวเป็นลูกเขย” เขาทำตาแพรวพราวแกล้งเธอ

“แต่แม่อรจะรับได้เหรอฮะ ที่ผมเอ่อ...ไม่ใช่ผู้ชาย” คราวนี้นิราทำเสียงจริงจัง

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อรเคยเกริ่นเรื่องนิลให้แม่ฟัง แต่ก็ไม่เคยบอกเรื่องนั้น” อรอุมาขมวดคิ้ว

เรื่องเพศสำหรับเธอไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไหร่นัก เพราะสำหรับหญิงสาวแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกที่มีให้กันต่างหาก ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าแม่จะมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องนี้ เพราะแม่ไม่เหมือนเธอ สิ่งที่อรอุมาทำได้คือภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี



มวลอากาศในรถเต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอแอบลอบมองหน้าคนรัก สีหน้าเขาเรียบเฉย ไม่ยิ้มแต่ก็ไม่บึ้งตึง มีเพียงนิ้วกลางข้างขวาที่เคาะพวงมาลัยเบาๆ อย่างเป็นจังหวะที่บ่งบอกว่าเขากังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น อรอุมาเอื้อมมือไปวางบนขาซ้ายของนิลแล้วบีบเบาๆ นิราหันมายิ้มให้ทั้งๆ ที่ดวงตายังแฝงความกังวล

การมาพบกันของคนสองคนอาจจำเป็นหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว มันจำเป็น หากคนที่เธอรักสองคนสามารถอยู่ด้วยกันได้ มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้แก่กัน อรอุมาคงมีความสุขที่สุดในชีวิต แต่เพื่อนบางคนของเธอก็บอกว่ามันไม่จำเป็น เธอคิดว่าพอจะเข้าใจ บางคนอาจกลัว บางคนก็รู้สึกว่าชีวิตง่ายกว่าที่แยกความรู้สึกออกจากกัน เพียงแต่อรอุมาคิดตรงกันข้าม สำหรับเธอ ชีวิตง่ายกว่าถ้ารวมความรัก 2 แบบเข้าด้วยกัน

เสียงรถยนต์เงียบลง หญิงสาวเห็นแม่ของเธอเดินออกจากบ้าน คงออกมาดูว่าใครมาหา

“อ้าว...อรเองเหรอลูก แม่นึกว่ามีแขกมา” อนงค์จับแขนลูกสาว ก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างสูงของนิรา “แล้วนั่นเพื่อนเหรอจ๊ะ ไม่บอกแม่ก่อนเลยว่าจะพาเพื่อนมาบ้าน แม่จะได้เตรียมน้ำเตรียมท่าไว้ให้”

“เอ่อ...เข้าไปในบ้านก่อนนะแม่ เดี๋ยวอรแนะนำให้รู้จัก” เธอจับมือแม่พาเข้าบ้าน ก่อนจะส่งสายตาให้ความมั่นใจแก่เขา

มารดาของเธอเชิญนิลนั่งอย่างดี อีกทั้งรีบเอาน้ำเย็นๆ กับขนมมาให้ทาน ก่อนจะมานั่งตรงข้าม รอให้เธอพูดแนะนำเพื่อน

“แม่คะ นี่นิลค่ะเอ่อ...เป็นแฟนหนู” เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะกลั้นใจพูดออกมา

เงียบ แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบ มีเพียงเสียงพัดลม ‘วิ้ด วิ้ด’ ส่งเสียงอยู่เบาๆ

“เอ่อ...แม่เคยบอกอรไม่ใช่เหรอคะ ว่าถ้าอรมั่นใจให้พามาให้แม่ดู หนูมั่นใจในตัวนิลค่ะแม่” เธอเอื้อมไปกุมมือของคนข้างๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเองและเพื่อยืนยันสิ่งที่ได้พูดออกไป

เสียงถอนหายใจหนักๆ ประกอบกับดวงตาที่ฉายแววกังวลของมารดา ทำให้หญิงสาวคิดว่า บางทีเธออาจคิดผิดเรื่องนี้ก็เป็นได้

คุณอนงค์มองหน้าลูกสาวเกาะกุมมือผู้หญิงอีกคนไว้แน่น หญิงสาวที่ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง เธอไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ลูกสาวเธอสวย น่ารัก เป็นเด็กดี แต่ถ้าเลือกอย่างนี้ต่อไป เธอกลัวว่าลูกจะลำบากในอนาคต การรักเพศเดียวกันมันเหมือนการไต่ไปบนเชือกเส้นเดียว เปราะบาง หวั่นไหว แต่จะทำอะไรได้ อรเหมือนจะรักผู้หญิงคนนั้นมาก เธออยากให้ลูกมีความสุข

“ที่แม่บอกลูกไปวันนั้น แม่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ในเมื่อลูกมั่นใจในเรื่องนี้ แม่จะไม่ห้าม” อนงค์วางมือของตัวเองลงบนมือที่กุมกันของลูกสาวและแฟน

“ถ้าลูกตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าเสียใจ” เธอมองลูกด้วยความเอ็นดู



“ฮัลโหล” หญิงสาวผมสั้นกุด พูดใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“อะไรวะ เย็นป่านนี้แล้วยังนอนอยู่อีก แกนี่มันนอนกินบ้านกินเมืองจริงๆ” อรอุมาส่ายหน้าด้วยความระอา

“ถ้าแกจะโทรมาโวยวาย ฉันจะวางนะโว้ย เสียเวลานอนว่ะ” พจนีย์นิ่วหน้าทั้งๆ ที่ยังหลับตา

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ ไอ้บ้า ไม่ใช่โว้ย ใครจะโทรมาเพื่อโวยวายแกกัน เย็นนี้ไปกินข้าวกันเปล่า ฉันมีคนที่อยากให้แกรู้จัก” หล่อนรีบบอกธุระให้เพื่อนได้รู้

“ใครวะ อย่าบอกนะเว้ยว่าแฟน” หญิงสาวลืมตาด้วยความอยากรู้ขึ้นมาทันที

“แหม ที่เรื่องนี้ล่ะไวเชียว เออๆ ทายถูกว่ะ แฟนชั้นหล่อนะโว้ย อย่าปิ๊งเข้าเชียว” หล่อนแหย่เพื่อนตัวร้าย

“จะหล่อแค่ไหนกันวะ ตาบอดมาจีบแกได้นี่ ชั้นว่าดูได้ก็ดีถมไปแล้ว” พจนีย์หัวเราะ

“ไอ้มดตะนอยยย” อรอุมาส่งเสียงแหลม

“เฮ้ย ชื่อมดเฉยๆ ไม่มีตะนอย แค่นี้ทำมาโมโห เออได้ๆ งั้นทุ่มครึ่งที่ร้านเดิม โอเคเปล่า” มดยิ้มพลางลุกจากที่นอน

“โอเค แล้วเจอกัน” เธอวางหู



เข็มยาวชี้เลขเก้า ไม่มีวี่แววของเพื่อนตัวแสบ อรอุมาดื่มน้ำหมดไปแล้ว 2 แก้ว ส่วนแฟนเธอนั่งมองนู่นมองนี่แก้เซ็ง

“มาแล้วๆ” เธอเห็นเพื่อนโบกมือมาแต่ไกล ได้แต่ส่ายหน้ากับการมาสาย

“โหยรีบเกือบตายเลยนะแก รถติดเป็นบ้า” พจนีย์หอบหายใจก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งโดยไม่มีใครเชิญ

แก้วน้ำของอรอุมาถูกมดหยิบไปดื่ม ‘อึกๆ’ เธอกับแฟนได้แต่นั่งมองอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ขำก็ขำ โกรธก็โกรธที่เพื่อนตัวดีช่างดื่มน้ำของตนเองได้อย่างสบายใจ

“เฮ้อ ค่อยโล่งหน่อย” มดวางแก้วลง แล้วถอนหายใจ

“นิลคะ นี่มดค่ะ เพื่อนรักของอร ยายมด นี่พี่นิล แฟนฉัน”

“ดีฮะ ยินดีที่ได้รู้จัก อรเขาพูดถึงคุณให้ฟังอยู่บ่อยๆ” นิรายิ้มมองอีกฝ่ายก่อนทักทาย

“ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันค่ะ แล้วอรเขาพูดอะไรให้ฟังบ้างคะ เรื่องดีๆ รึเปล่า” หล่อนหยอก

“ครับเรื่องดีทั้งนั้นแหละครับ” นิลหัวเราะ

“หัวเราะแบบนี้คงไม่ใช่แล้วมั้งคะ แสดงว่ายัยอรเล่าเรื่องเปิ่นๆ ของมดให้ฟังใช่ไหมคะ” เธอหรี่ตา

“นิดหน่อยครับ แต่ไม่เปิ่นหรอก ผมว่าน่ารักดีออก”

“นิล มด เดี๋ยวอรไปเข้าห้องน้ำแปบนะ คุยกันไปก่อน” อรอุมาลุกขึ้นแล้วเดินไปทางหลังร้าน

“ค่ะ น่ารักแล้วรักไหมคะ” หล่อนยิ้ม ตาพราว

“อืม ผมว่าต้องเปลี่ยนเป็นรักได้รึเปล่า มากกว่านะครับ” เขาจ้องตาแพรวนั้นอย่างเข้าใจ

“งั้นแลกเบอร์กันไว้ดีกว่าค่ะ ถ้ามีอะไรจะได้คุยกัน ดีไหมคะ” พจนีย์เสนอ

“ดีครับ คงมีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย” ต่างฝ่ายต่างยื่นมือถือของตนเองให้อีกฝ่ายกด

“ว่าไงคะนิล คุยกันไปถึงไหนแล้ว” อรอุมานั่งลงที่เดิม

“ก็ทั่วๆ ไปแหละครับ มดเขาเป็นคนอารมณ์ดีนะ คุยแล้วสนุก” นิราบ่ายเบี่ยง

“ค่ะ มดเขามีมุขเยอะค่ะ อรเองก็ชอบเวลาคุยกับมด”

“ย่ะ แต่ฉันไม่อยากคุยกับแกแล้ว เบื่อ คุยกับแฟนแกดีกว่า” เธอพูดประชด

“ครับๆ ได้สิครับ” เขาตอบรับพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ



วันนี้อรอุมาวาดภาพดอกลิลลี่สีชมพูอย่างตั้งใจ เธอค่อยๆ ตวัดมืออย่างช้าๆ แต่ทว่าแม่นยำ ความโค้งเว้าของกลีบชวนให้อยากสัมผัส จากนั้นก็แต้มสีชมพูเข้มลงบนกลีบดอกทีละจุด เวลาวาดภาพเธอคิดว่ามันเหมือนเวลาร่วมรักยังไงอย่างนั้น มันอ่อนโยน เร่าร้อน ปลดปล่อย ซาบซึ้ง และประทับใจ หล่อนกะว่าถ้าวาดรูปนี้เสร็จก็อยากจะลองวาดรูปคนรักต่อ อยากที่จะได้มองเขาตลอดเวลา อยากตรึงไว้ไม่ให้หนีไปไหน อยากเก็บไว้เป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว แต่ก็ไม่รู้ว่านิลจะมีเวลามาเป็นแบบให้เธอวาดไหม เขาค่อนข้างยุ่ง ขนาดเธอยังไม่ค่อยได้เจอเขาเลย แทบจะพบกันอาทิตย์ละครั้งด้วยซ้ำ

“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์บ้านรุ่นเก่าดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเธอ หญิงสาววางพู่กันลง แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังที่มาของเสียง

“ฮัลโหล ไม่ทราบว่าจะพูดกับใครคะ” เธอพูดเสียงเนือยๆ

“ญาติคุณอนงค์ พิศาลไพบูลย์รึเปล่าคะ” เสียงใสลึกลับพูดอย่างรวดเร็ว

“ใช่ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” อรอุมาเริ่มเป็นกังวล มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับแม่ของเธอ

“คุณอนงค์ โดนรถชนบาดเจ็บสาหัสตอนนี้อยู่ห้องไอซียู ที่โรงพยาบาลศิริธรรมค่ะ” โทรศัพท์ร่วงจากมือของหล่อน น้ำตาไหลไม่หยุดจากดวงตาเรียวทั้งสองข้าง สมองคิดอะไรไม่ออกสักอย่างเดียว มันว่างเปล่าไปหมด อยากให้เรื่องที่ได้ฟังไม่เป็นความจริง แม่ แม่จะต้องไม่เป็นอะไร แม่จะต้องปลอดภัย

อรอุมาวิ่งเร็วเท่าที่เธอจะทำได้ คว้ากระเป๋า ล็อกบ้านอย่างลนลาน แล้วขับรถด้วยความเร็วที่เกือบทำให้เธอตายหลายครั้ง แต่เมื่อไปถึงสิ่งที่ทำได้คือนั่งรอ หญิงสาวทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นั่งรอฟังข่าวคราวจากหมอ เธอต้องการคนที่จะอยู่เคียงข้าง นิรา

‘ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...’ ให้ตายเถอะทำไมต้องมาเป็นในเวลานี้ด้วย

หญิงสาวได้แต่รอ กว่าคุณหมอจะเดินออกมาจากห้องก็ผ่านไปแล้วถึง 3 ชั่วโมง

“ใครเป็นญาติคุณอนงค์ครับ” หมอปลดหน้ากากพร้อมกับตะโกนถาม

“ฉันค่ะหมอ” เธอลุกเดินไปหาหมออย่างเร่งรีบ

“เสียใจด้วยครับ ผมพยายามเต็มที่แล้ว แต่คนไข้เสียเลือดมากเกินไป” หมอมองตาเธอด้วยความเห็นใจ

ไม่ๆ แม่ยังอยู่ใช่ไหม แม่ยังไม่ทิ้งหนูไปใช่ไหม หนูรักแม่ได้ยินไหม

“ฮือๆๆ” เธอสะอื้นหน้าห้องผ่าตัดอย่างไม่อายใคร เหมือนจุดประสงค์ของการมีชีวิตอยู่หายไป



หล่อนไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ รู้แต่ฟ้ามืด รู้สึกแค่อยากอยู่ในอ้อมกอดของคนที่รัก ไม่อยากทำอะไรมากไปกว่านั้น อรอุมายืนอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ของนิล เธอค่อยๆ ไขกุญแจด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิดที่เหลืออยู่

‘กริ๊ก’ เสียงกลไกเบาจนแทบไม่ได้ยิน อรอุมาเปิดประตูอย่างเนือยๆ หล่อนวางกระเป๋าที่โซฟา แล้วเดินต่อไปยังห้องนอน แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมาย ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากห้องนั้น มัน อู้อี้จนฟังไม่เข้าใจ เธอเดินเหมือนย่อง มือจับลูกบิดประตูแล้วหมุนอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ สายตาลอดมองเข้าไปข้างใน แล้วเธอก็เข้าใจถึงที่มาของเสียงนั้น



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.