web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 139
Total: 139

ผู้เขียน หัวข้อ: Vampire Hunter [The beginning] Chapter 6 : เมื่อเด็กหญิง เปลี่ยนเป็นเด็กสาว  (อ่าน 2816 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books


Chapter 6 :   เมื่อเด็กหญิง  เปลี่ยนเป็นเด็กสาว


ดวงตาสีม่วงครามมองเหม่อ  เธออยู่ในห้องเรียนแต่ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไร  มือสวยจับจี้ที่ห้อยคอ  ปลายนิ้วถูมันเล่นเพลินๆ สมองครุ่นคิดหลายเรื่องจนไม่มีแก่ใจจะฟังเรื่องที่อาจารย์สอน  เป็นแบบนี้ไปจนกระทั่งหมดชั่วโมงเรียน  และเพื่อนๆร่วมชั้นพากันออกไปจากห้องจนหมด  เธอก็ยังคงนั่งอยู่  ตามลำพัง

แปลกใช่ไหมว่า  ทำไมไม่มีใครเรียกเธอให้ออกไปด้วย  อาจารย์ที่สอนก็ไม่สนใจเธอ  นั่นเพราะเธอเป็นสิ่งน่ากลัวสำหรับพวกเขา  เธอเป็นเด็กผู้หญิงหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้เรียนหนังสือ  เรียนสูงกว่าการแค่อ่านออกเขียนได้  เธอมีสิทธิ์เรียนได้เทียบเท่ากับผู้ชาย  ซึ่งผู้หญิงน้อยคนนักในสมัยนี้จะได้เรียน  และสิทธิพิเศษนี้  ใครๆรู้ดีว่า เธอได้มันมาเพราะอะไร  ไม่ใช่แค่เพราะเป็นลูกสาวของตระกูลหนึ่งผู้ก่อตั้งเมือง  แต่เพราะหน้าที่ของเธอ  การที่เธอเป็นฮันเตอร์หรือนักล่าปีศาจ  แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ  หากแต่ใครๆย่อมรู้  เป็นความรู้ที่ได้รู้กันจากปากต่อปาก  จากผู้ที่เธอได้ให้การช่วยเหลือพวกเขา  และนั่นเองที่ทำให้ใครๆต่างพยายามเลี่ยงที่จะสมาคมกับเธอ  เด็กสาวที่แตกต่างจากทุกคน  ความจริงเธอน่าจะเหงาเมื่อต้องอยู่ตามลำพัง  แต่ไม่เลย  เธอไม่เคยมีความรู้สึกนั้น   เพราะเธอมี...

“สวีทตี้..  ทำไมยังนั่งอยู่ล่ะคะ”

เสียงนุ่มๆขี้เล่น  พาให้ฟลอเรนตื่นจากภวังค์  และเธอยิ้มเมื่อเห็นหน้าเจ้าของ  เขาหล่อเหลาเอาการสำหรับเด็กหนุ่มวัยสิบเก้า  นั่นเพราะหน้าตาที่เหมือนเธอนั่นหรือเปล่าล่ะ  “วิล.?  ว่างเหรอคะ”  เธอถาม  หากแต่คำถามไม่ได้คำตอบในทันที  เพราะคนที่ถูกถามได้รวบตัวเธอขึ้นจากเก้าอี้  ยกลอยจากพื้น  ให้เธอหัวเราะและกอดเขาแน่น  กลัวจะตกหล่นพื้นให้เจ็บตัว

“วิลเลี่ยม.. ปล่อย  เดี๋ยวน้องหล่น!”  ฟลอเรนส่งเสียงห้ามเด็กหนุ่ม  แต่การหัวเราะของเธอทำให้มันไม่ใช่เรื่องจริงจัง  เขาจึงยังไม่ทำตาม  กลับวิจารณ์เสียงใส

“ตัวเบาจังเรา  คุณแฮนเซลกับคุณแม่มดคนสวย  เฮเลนน่า  ไม่อนุญาตให้ทานอะไรหรือคะ  หรือว่าเราลดความอ้วน  ไม่จำเป็นหรอกนะ  น้องสาวพี่สวยอยู่แล้ว  เก่งอีกต่างหาก” 

“เปล่าค่ะ  ครูฝึกสองคน  มีของทานเล่นเยอะแยะ  น้องก็ทานนะ  เยอะด้วย  แต่มันไม่อ้วนเอง   ไม่รู้จะทำยังไง”  คนเป็นน้องบอก  สองแขนยังกอดพี่ชายแน่นราวกับเป็นเด็กเล็กๆ  เธอคิดถึงเขา  การเป็นนักล่าทำให้เธอห่างจากครอบครัว  จากคนที่เธอรัก  ต้องเสียสละความสุขตรงนี้ไป  แต่ก็เพื่อส่วนรวม   “แต่ตอนนี้น้องว่า  พี่ชายปล่อยน้องลงก่อนดีกว่าค่ะ  เดี๋ยวสาวที่ไหนมาเห็นจะเข้าใจผิด” 

วิลเลี่ยมมองหน้าเธอยิ้มๆ และทำตามคำขอ  ไม่รู้ว่าเพราะกลัวสาวที่ไหนมาเห็นจริงๆอย่างที่เธอว่า  หรือกลัวว่าน้องสาวจะหาแฟนไม่ได้  ถ้าใครเห็นเธอโดนผู้ชายอุ้ม  ทำท่าสนิทสนมกัน   แม้ใครๆจะพอรู้ว่าเธอกับวิลเลี่ยมเป็นพี่น้องคลานตามกันมา  หากแต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่รู้อยู่และเธอไม่อยากมีเรื่อง  เก็บเรื่องการแสดงความรักแบบนี้เอาไว้ที่บ้านจะดีกว่า  ส่วนตัวดี  แต่จะว่าไป  พี่ชายของเธออีกคนล่ะ  อ้อ..เขาอยู่คนละโรงเรียนกับเธอและวิล 

“จอร์จล่ะคะ  สบายดีหรือเปล่า”  เธอถามเมื่อชวนเขาออกจากห้องเรียน  อยากพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบคนในครอบครัว  หลายวันแล้วที่เธออ้างงานไม่ได้กลับไป  ใช่ว่าไม่คิดถึงพ่อแม่   แต่เธอเบื่อเมื่อต้องเจอกับคำถามของท่านลอร์ดมาแชลว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะพร้อมกับการไปดูตัวอีกครั้ง   เธอยังไม่อยากคิดเรื่องนี้   เป็นโสดแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่นา  มีแฟน  มีสามีไปทำไม  ใช่..เธอยังเด็กอยู่เลย..

“พี่ใหญ่เรียนหนักค่ะ  แต่คุณแม่ท่านบำรุงน่าดู  หมายมั่นเต็มที่ว่า  จอร์จจะสอบเข้าทำงานที่กระทรวงในเมืองหลวงได้  คุณพ่อก็พอกัน เคี่ยวเข็ญเขา  เช้าเย็น”

“โอ้..  น่าสงสารนะคะ  แล้วแบบนี้จอร์จไม่เซ็งแย่เหรอ  ปกติพี่ชายใหญ่  ชอบงานออกสนามมากกว่านั่งโต๊ะ  เท่าที่น้องจำได้”  ฟลอเรนพูดเห็นใจ  นึกขอบคุณที่เธอเป็นลูกสาวและเป็นคนเล็ก   ความหวังของพ่อแม่ในตัวเธอจึงมีน้อยกว่าพี่ชายทั้งสองคน  ที่อีกไม่นาน  วิลเลี่ยมก็จะต้องโดนปฏิบัติเหมือนที่จอร์จโดนเมื่อเขาอายุครบเกณฑ์ที่จะเข้าสอบได้  การได้เข้าทำงานกับทางการโดยเฉพาะในตำแหน่งสูงๆ เป็นเรื่องที่คนในตระกูลเธอต้องกระทำ  มันคล้ายเป็นหน้าที่ของลูกชาย  และสำหรับลูกสาวอย่างเธอ  หากไม่ได้เป็นฮันเตอร์แล้วล่ะก็  หน้าที่ของเธอคือแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้  คนที่เป็นคนในชนชั้นสูงเหมือนๆกัน   เธอจะไม่มีสิทธิ์เลือก   โชคดีจริงที่ตอนนี้เธอมีสิทธิ์จะปฏิเสธ  อยู่กับผียังดีกว่า  ในบางครั้ง...

วิลเลี่ยมยักไหล่  ส่ายหน้า  ท่าทางเหมือนจะเบื่อแทนพี่ชาย  “เขาก็มีบ่นบ้าง  แต่น้องก็รู้นะคะ  พี่ชายของเราอยู่ในโอวาทจะตายไป  ไม่เหมือนเราสองคน”  เด็กหนุ่มขยิบตาให้น้องสาวอย่างรู้กัน  และพากันหัวเราะ 

ยังจำได้ถึงวีรกรรมสมัยยังเด็ก  ที่เขากับน้องสาวคนเล็กคนนี้ชอบหนีไปเที่ยวเล่นในสวนที่ปราสาทกันในตอนกลางคืน   และโดนแม่นมจับได้  ถูกขอร้องให้พากันกลับห้องนอนก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะรู้  เขาต้องทำตามด้วยความจำใจ  เพราะไม่เช่นนั้นคนที่โดนทำโทษหนักจะไม่ใช่เด็กอย่างเขากับน้องสาวแต่จะเป็นผู้ใหญ่  โทษฐานที่ดูแลไม่ดี  ส่วนจอร์จ  พี่ชายใหญ่ที่อายุห่างจากเขาเพียงปีเดียวนั้น  ไม่ต้องพูดถึง  จอร์จเป็นเด็กดีเสมอ  ไม่เคยมาตามคำชวน  อ้างว่ามันผิดกฎของบ้าน  พี่ชายคนโตเรียกได้ว่าเป็นคุณชายเนี้ยบประจำบ้าน  สมองดี   กีฬาเด่น   ต่างจากเขากับฟลอเรน  ที่นิสัยคล้ายกัน  เป็นพวกชอบอยู่นอกกรอบ  แต่เขาก็รู้ว่าสักวัน  ทั้งเขาและน้องสาวก็จะถูกจับมาใส่กรอบเหมือนเดิม   หวังเพียงแค่ให้ฟลอเรนได้มีใครสักคนมาช่วยหล่อนออกจากวงจรชีวิตอันน่าเบื่อเช่นนี้ไป 

แต่ใครคนนั้นจะเป็นใครกัน  ทุกวันนี้  น้องสาวของเขา  อยู่แต่กับครูฝึก  แม่มด  ปีศาจและแวมไพร์   แต่อย่าบอกนะว่า  แฟนของน้องสาวเขาจะเป็นหนึ่งในจำนวนพวกนี้  ที่หล่อนสนิทสนมคลุกคลีด้วย  ไม่ใช่ว่าจะรับไม่ได้   แต่มันจะ ประหลาดเกินไปไหม..  ไหนจะพ่อแม่อีก   ท่านลอร์ดกับท่านหญิงแม่จะรับได้หรือ  มีหวังยอมให้ฟลอเรนเป็นโสดไปตลอดชีวิตดีกว่า   คิดแล้วก็ขำ...

“ก็รู้ค่ะ  แต่ก็อดสงสารไม่ได้  จอร์จน่าจะได้เปิดหูเปิดตาบ้างนะคะ  อยู่แต่ในห้องหนังสือ  ร่างกายจะไม่แข็งแรง”  น้องเล็กชี้แจงราวกับตัวเองโตกว่าพี่ชาย  จึงพบว่าถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ว่าจะถามว่าเขาคิดอะไรอยู่  แต่วิลเลี่ยมรู้ทัน

“พี่ว่า  ปีนี้น้องดูโตขึ้นนะคะฟลอเรน”  เขาพูดและหยุดเดิน  ดวงตาคมมองสำรวจตัวน้องสาวที่มองมาประหลาดใจ  แล้วก็ทำให้หล่อนเขินด้วยคำวิจารณ์ตรงไปตรงมา  “ว้าว..  น้องสาวพี่  โตเป็นสาวขนาดนี้เชียว  พี่จำได้ว่า  สองสามปีที่แล้ว  เราสองคนยังวิ่งเล่น  หนีท่านลอร์ดกับท่านหญิงแม่ไปโดดน้ำที่น้ำตกกันอยู่เลย  เผลอแป๊บเดียวเท่านั้นเองนะฟลอเรน  มิน่า  พวกท่านถึงอยากให้น้องแต่งงานสักที”

เจอประโยคหลังเข้าไป  สาวขี้อายรีบส่ายหน้า  คว้าแขนยาวของพี่ชายพากันเดินต่อ  เธอเห็นเขามองเหมือนต้องการคำตอบโต้  เลยตัดสินใจ  “น้องยังไม่คิดเรื่องนั้นเลยค่ะ  พี่ชายก็รู้นี่ว่า  งานที่น้องทำ  มันเสี่ยง  น้องยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า วันไหนที่จะไม่มีโอกาสได้เจอพี่ชายกับพี่ชายใหญ่และท่านพ่อ  ท่านแม่อีก  เพราะฉะนั้นเรื่องมีครอบครัวของตัวเอง  เก็บพับไปได้เลยค่ะ”  เธอสรุป  แต่เพราะคำพูดนี้เลยทำให้หนุ่มข้างๆหน้าเสีย  เขาเหมือนเพิ่งนึกได้ว่า  เธอเป็นใคร

“พี่โกรธท่านพ่อ  ท่านแม่ที่สุด  ที่ปล่อยให้น้องไปทำเรื่องแบบนั้น”  เขาพูดเสียงขุ่น  แววตาจากดวงตาสีเหมือนกันเป็นประกายความไม่พอใจ  จนคนมองเห็นท่าไม่ดี  รีบดึงพี่ชายให้หยุดและเขย่งตัวขึ้นจูบแก้มเขา  สวมกอด  วางคางไว้ที่บ่ากว้าง  ร่างกายที่เกร็งเพราะความโมโหจึงค่อยๆลดอาการลง   เขากอดตอบเธอ

“น้องทำเพื่อเราทุกคนนะคะ  เพื่อทุกๆคนจะได้ปลอดภัย   พี่ไม่ดีใจ   ภูมิใจในตัวน้องเหรอวิล.?”  วิลเลี่ยมนิ่งไปสักพัก  แล้วฮัมเบาๆ ก่อนจะพึมพำ   ไม่เต็มใจพูด

“พี่รู้ว่าน้องของพี่สุดยอด   พี่ก็แค่ห่วง”  ฟลอเรนหัวเราะเบาๆและทำท่าจะจูบแก้มพี่ชายอีกครั้ง  เอาใจเขาตามประสาน้องสาวคนเล็กหากแต่เสียงบางเสียงก็หยุดเธอ

“พวกฉันจะดูแลน้องสาวคุณชายให้ดีที่สุด” 

วิลเลี่ยมและฟลอเรนหันไปทางที่มาของเสียงพร้อมกัน  และฮันเตอร์นั่นเองที่ยิ้มคนแรก  ส่วนเด็กหนุ่มถึงจะไม่ได้ทำท่าทางกลัวชัดเจน   แต่จะให้ดีใจที่เห็นแวมไพร์ตรงนี้คงไม่มีทาง  และที่สำคัญ  นี่มันตอนกลางวันไม่ใช่หรือไง

“ทำไมพวกเธอ---”  เด็กหนุ่มจะเปิดปากถามตามที่สงสัย   แต่น้องสาวของเขารีบตอบมันให้ทันควัน

“อัลร์กับแอลได้พรวิเศษมาค่ะ  ต่อไปนี้พี่ชายก็ไม่ต้องห่วงน้องแล้วนะคะ”  ฟลอเรนยืนยันคำพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อคนเป็นพี่มองหน้าราวกับจะถามย้ำ  และต่อมาเธอก็แปลกใจที่วิลเลี่ยมเดินไปหาสองฝาแฝดแวมไพร์ที่คนหนึ่งยืนและอีกคนนั่งอยู่บนราวระเบียงโรงเรียน  เขามองอัลร์และแอลอย่างพิจารณาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  ท่าทางดูจริงจัง  ตอนนี้เธอจึงเห็นแอลยอมกระโดดลงจากราวระเบียงมายืนข้างๆพี่สาว  คงรับรู้ได้ถึงออร่าขึงขังของพี่ชายของเธอ 

“งั้นเราขอฝากน้องสาวของเราไว้กับพวกเธอด้วย”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว..วิล”  เสียงแอลตอบขี้เล่นกลับไป  ส่วนอัลร์แค่พยักหน้า  หน้าตาขรึมเหมือนพี่ชายเธอ  และสิ่งที่เธอได้ยินต่อมาจากปากเขาก็แทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“แต่จงจำไว้  หากวันใดพวกเธอผิดสัญญา  เราขอสาบาน  จะจองล้างจองผลาญพวกเธอไปจนวันตาย  และถึงเราจะต้องตายก่อนพวกเธอในฐานะที่เป็นมนุษย์  ในวาระสุดท้ายของชีวิตเรา  เราจะขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า  ไม่ให้พระองค์เอ็นดูวิญญาณร้ายของพวกเธอ   พวกเธอจะต้องทนทุกข์ทรมานตลอดไป  ตลอดชีวิตอมตะจะมีแต่ความเหงาและว้าเหว่เป็นเพื่อนของพวกเธอสองคน  เธอมีข้อข้องแย้งหรือไม่”

แวมไพร์สาวสองคนหันมองหน้ากัน  แต่ไม่นานกว่านาที  สิ่งที่ฮันเตอร์สาวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง  อัลร์คุกเข่าลงตรงหน้าวิลเลี่ยม  ขอมือเขามาจูบที่หลังมือ  ราวกับเป็นการทำพันธะสัญญาของอัศวินต่อองค์ราชา  ส่วนแอลแค่ยืนโค้งศีรษะให้เมื่อพี่สาวลุกขึ้น  แต่แค่นี้ก็มากเกินพอสำหรับแอลที่จะยอมก้มหัวให้ใคร  มันแปลก  ที่สำคัญ  ท่าทางของวิลเลี่ยมเองที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุก็เหมือนกัน  แม้เขาจะหันมายิ้มให้เธอและกอดเธอก่อนจะขอตัวจากไป  อะไรบางอย่างยังทำให้เธอรู้สึกไม่ปกติ  แต่บางที  เธออาจจะคิดมากเกินไป

“ไปกันเถอะฟลอเรน   เฮเลนน่าอยากเจอเธอ”

สาวที่เหม่ออยู่กระพริบตา  หันสายตากลับมาจากการมองตามหลังพี่ชาย  และเธอเห็นอัลร์กับแอลมองมาเหมือนเป็นห่วง  ฟลอเรนส่ายหน้า  ปัดความสนใจออกจากความคิดฟุ้งซ่านในหัวตัวเอง   และดึงแขนสองแวมไพร์ที่เดินตอนกลางวันได้แล้วให้เดินไปด้วยกัน  เธอมีงานที่จะต้องทำอีกมากมายเลย..

..................................

“ท่านนายกเทศมนตรีเร่งงานกับทางเรามาค่ะ”  เฮเลนน่ารีบพูดตั้งแต่ที่เห็นหน้าฟลอเรนเดินเข้ามาในบ้าน  ความจริงเธอดักรอการมาของฮันเตอร์มานานหลายนาที  ตัวเธอเองดูร้อนใจ  หากแต่กับตัวต้นเหตุกลับนั่งไขว่ห้างจิบไวน์หน้าตาเฉย  ทัสมินเมินที่จะฟังเธอบ่นด้วยซ้ำ  ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือไม่ที่ช่วยให้หล่อนได้อยู่ในบ้านอัลร์กับแอลแทนที่จะส่งเข้ากรงขัง  หรือให้ฮันเตอร์บั่นคอ   หล่อนน่าหมั่นไส้จริงๆ อย่างที่แอลว่าเลย

“เรื่องเสือดำเหรอคะ”  ฟลอเรนถามรู้ทัน  ก็ตอนนี้มันมีอยู่เรื่องเดียวที่เป็นงานด่วน  ส่วนเรื่องล่าปีศาจอื่นๆ คือหน้าที่ประจำ 

“ค่ะ มีอยู่เรื่องเดียว”  แม่มดสาวงึมงำ  และมองไปสาวผมบลอนด์ผิวสีแทนตรงโซฟา  ฟลอเรนมองตามไป  “แม่เสือสาวของเธอ  ไม่ให้ความร่วมมือกับเราสักนิด   หล่อนยังเมินกับคำถามของฉัน   ทำเหมือนไม่ได้ยิน  และเวลาของเราก็น้อยลงทุกทีแล้ว”

“งั้นฉันขอลองได้ไหมคะ”  ฮันเตอร์เสนอ  ครูฝึกทำท่านึกชั่งใจ  หากแต่ก่อนจะได้ตัดสินใจทำอะไร  เสียงโวยวายจากที่ใกล้ๆก็ทำให้ต้องหันไปดู  และพวกเธอก็เห็นนางเสือดำตั้งท่าขู่แวมไพร์ตัวสูงที่กำลังถูกรั้งไว้ด้วยแวมไพร์อีกตน  เห็นทีแอลกับทัสมินจะลงรอยกันมากเกินไป  ถึงได้ทะเลาะกันได้ทุกเวลา

“อัลร์คะ  แอลคะ  อะไรกัน!”  ฟลอเรนเข้าไปยืนกันตรงกลางระหว่างแวมไพร์และนางเสือที่กำลังทำท่าเหมือนอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกเนื้อกันออกเป็นชิ้นๆ แปลกใจจริง  ปกติอัศวินแวมไพร์ของเธอทั้งสองมักจะสุขุมเสมอเมื่อต้องทำงาน   คราวนี้เหตุใดจึงทำท่ารังเกียจนางเสือดำราวกับหล่อนเป็นไลเคนหรือมนุษย์หมาป่าที่เผ่าพันธุ์ไม่ถูกกัน  หรือมันจะมีบางเรื่องที่เธอไม่รู้

“เธอไม่รู้หรอกฟลอเรน   ยัยนี่มันร้ายกาจ!”

“แวมไพร์!  เจ้าใส่ร้ายข้า  คิดอยากให้ข้าตายใช่ไหม!”

“เจ้าไม่ต้องพูด   ข้าไปสืบมาหมดแล้ว!  เจ้าเข้าพวกกับพวกไลเคน  ต้องการจะยึดเมืองนี้ด้วยกองทัพที่เจ้ากับพวกมันซ่องสุมเอาไว้  และเจ้าพวกขนปุยที่ข้ากับฮันเตอร์เจอที่ปราสาทร้างก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกมันด้วย!”

“แอล..  ใจเย็นๆ  ค่อยๆพูด”  อัลร์ปรามแฝดน้องพร้อมยึดหล่อนเอาไว้   แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก

“ฉันอยากพูดนะอัลร์   แต่พี่ก็เห็น  แม่นั่นทำท่ากวนประสาท  มันบอกได้เลยว่า  ที่เรารู้มาเป็นเรื่องจริง   หล่อนหนีมาที่เมืองนี้เพราะรู้ว่าที่นี่รังไลเคน” 

ฟลอเรนยืนงงกับเหตุการณ์  เธออยากจะเชื่อที่แอลพูดทั้งหมดเพราะหล่อนย่อมไม่โกหกเธอ  หากแต่ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องที่หล่อนรู้มามันจะเชื่อได้จริง  บางสิ่งที่เธอเห็นในแววตาดุร้าย  ม่านตาหรี่เล็กลงเหมือนแมวเวลาตั้งท่าขู่ฟ่อของทัสมิน  ทำให้เธอต้องคิด  ยังไม่กล้าตัดสินใจ

“เจ้าเชื่อเรื่องโกหกพวกนั้นด้วยหรือแวมไพร์ฝาแฝด  ข้าผิดหวังเสียจริง  คิดว่าพวกเจ้าจะฉลาดกว่าพวกที่ข้าเคยเจอมา  ที่แท้ก็เหมือนกัน”

คำประโยคนี้ชะงักแอลให้นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของพี่สาว  ท่ามกลางการเฝ้าดูของแม่มดและฮันเตอร์ที่ลุ้นอยู่   รอดูว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนต้องยื่นมือเข้ามาห้ามทัพหรือไม่   หากแต่ตอนนี้คงไม่จำเป็น

“ถ้าเช่นนั้น  เจ้าก็เล่าเรื่องทั้งหมดมา   หากเจ้าว่า  เรื่องที่เรากับน้องรู้มา  มันไม่จริง   ว่าอย่างไร..ทัสมิน”  อัลร์เสนอขณะที่แอลยืนกอดอกคิ้วขมวด  ไม่มีอารมณ์เจรจากับใคร  เฮเลนน่าอยากเข้าไปปลอบคู่ขาแวมไพร์  หวังให้หล่อนเลิกทำหน้าหงิก  แต่นี่คงไม่ใช่เวลา  เอาไว้คุยกันส่วนตัวก็แล้วกัน   ส่วนนักล่าสาวน้อยกำลังคอยมองทุกความเคลื่อนไหวของทุกคนอย่างระวัง  เผื่อกรณีจำเป็น

“ก็ได้  แต่ข้าขอคุยกับคุณหนูมาแชลตามลำพัง  สองคน” 

ทุกๆคนหันมองหน้าคนพูดเป็นตาเดียว  และตกใจไม่แพ้เจ้าของชื่อ  ฟลอเรนกระพริบตาและพบดวงตาหลายคู่ส่งความเป็นห่วงเป็นใยและห้ามปรามมาให้  โดยเฉพาะอัลร์ที่เข้ามาดึงแขนเธอให้เดินตามไป  หลบมุมคุยกัน

“ฟลอเรน..  เธออย่าตกลงกับแม่นั่นได้ไหม”  แวมไพร์เปิดประเด็นไม่อ้อมค้อม  หากแต่อีกคนยังทำท่างง  อัลร์ส่ายหน้าถอนหายใจแรง  “ผู้หญิงคนนั้นร้ายกาจ  หากเรื่องที่ฉันกับแอลรู้มาเป็นเรื่องจริง   หล่อนเหมือนงูพิษมากกว่าเสือ  และฉันไม่---”

“เข้าใจค่ะว่าคุณห่วง  ทุกๆคนห่วง  แต่มันเป็นหน้าที่ฉันนะคะ”  ฟลอเรนพูดเรียบๆ ทำท่าจะไม่ฟังคำต่อไปของอีกคน  เธอกำลังจะเดินกลับมายังที่ที่ทุกคนรออยู่  หากคนที่ไวกว่าก็รั้งตัวเธอไว้ด้วยอ้อมกอด  แวมไพร์กอดเธอแน่นราวกับกลัวว่าจะหายไป  น่าแปลกใจจริง  แต่ที่น่าแปลกใจกว่า  คือเธอชอบให้หล่อนกอดแบบนี้และเธอยิ้มแม้จะบ่นพึมพำ “อัลร์คะ  ฉันแค่ไปคุยกับเค้านะ  ไม่ได้ไปรบ  และที่นี่พวกคุณก็ยังอยู่  แค่เราอยู่คนละห้องกัน   แล้วที่สำคัญ  คุณลืมไปไหมว่า..ฉันเป็นใคร”

สองแขนแข็งแรงของแวมไพร์ตัวสูงค่อยๆปล่อยตัวเธอออก  หล่อนก้มลงมองหน้าเธอราวกับอยากรู้ว่า  มีอะไรซ่อนอยู่ในดวงตาสีม่วงครามสดใสและรอยยิ้มของเธอ  หรือหล่อนจะกลัวว่าเธอจะโกหกว่าไม่กลัวเรื่องที่ต้องอยู่กับนางเสือร้ายสองต่อสอง

ด้วยอะไรไม่ทราบได้  ฟลอเรนพบตัวเองยกสองมือขึ้นประคองใบหน้างามๆของหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้   ใช่..คราแรกเธอตั้งใจจะให้หล่อนมองเธอให้เต็มตาจะได้เห็นความจริงว่าเธอไม่ได้กลัว  และมั่นใจเต็มร้อยว่าจะปลอดภัยกับทัสมิน  หากแต่มารู้ตัวอีกที   เมื่อสองดวงตาประสานกันนานกว่าปกติ  เธอกลับพบว่า  เธอต้องการทำอย่างอื่นมากกว่าแค่มองตากัน   และเหมือนแวมไพร์จะอ่านใจคนได้  อัลร์ก้มหน้าลงมาใกล้และใกล้จนเธอได้รู้สึกถึงลมหายใจเย็นๆที่ใบหน้าตัวเอง   และในที่สุด  เธอก็ได้รู้สึกถึงเรียวปากสวยของแวมไพร์   แต่ไม่ใช่ที่แก้มอย่างที่หล่อนเคยทำประจำ  ความอ่อนนุ่มแต่เย็นเฉียบที่กระทบกับริมฝีปากอุ่นของเธอทำให้ตกใจจนใจเต้นรัว  และอัลร์คงรู้สึกถึงอาการสะดุ้งตกใจของเธอ  จึงถอยออกไป  มองหน้าเธออย่างรู้สึกผิด

หากแต่ก่อนที่เธอจะได้ยินคำขอโทษที่จะต้องออกมาจากปากหล่อนอย่างแน่นอน   เธอก็หยุดมันไว้ด้วยปากตัวเอง  คราวนี้เธอมั่นใจว่าเธอต้องการมัน  นานเท่าไหร่แล้วที่เธอละเลยความรู้สึกนี้   ความปรารถนาที่อยากจะได้ใกล้ชิดหล่อนให้มากกว่าการกอดกันปกติ  การจูบแก้ม   มันเป็นความรู้สึกที่แปลกแต่หัวใจเธอพองโตอย่างน่าประหลาด  มีความสุขแปลกๆ   เธอไม่ต้องการให้นาทีที่ได้สัมผัสปากกับหล่อนหมดสิ้นลงไป  หากแต่อากาศยังจำเป็นสำหรับปอดมนุษย์อย่างเธอ  ที่สำคัญเธอมีงานอื่นที่ต้องกลับไปทำ  พวกเธอสองคนมองหน้ากันด้วยสายตาที่แปลกไปเมื่อละสัมผัสออกจากกัน  แต่หูที่อื้ออึงของเธอยังได้ยินเสียงตัวเองพูด  และเธอแน่ใจว่าเสียงเธอไม่ปกติ

“ไปก่อนนะคะ  ทัสมินกำลังรอ..” ฟลอเรนเดินหันหลังให้แวมไพร์ที่กำลังยืนอึ้ง  เธอไม่รู้ว่าเดินมาถึงที่ห้องโถงใหญ่ที่กำลังมีคนหลายคนรออยู่ได้อย่างไร  วิญญาณเหมือนล่องลอย  แต่กระนั้น  ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอพอรู้  การจูบทำให้สมองปลอดโปร่งดีจริงๆ  แบบนี้ต้องขอใช้บริการอัลร์บ่อยๆเลย..     








................................................................



ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ   :45:



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.