web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 66
Total: 66

ผู้เขียน หัวข้อ: Vampire Hunter [The beginning] Chapter 9 : รักต้องสาป  (อ่าน 2800 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Vampire Hunter [The beginning] Chapter 9 : รักต้องสาป
« เมื่อ: 06 มีนาคม 2014 เวลา 14:08:16 »


Chapter 9 : รักต้องสาป


ฟลอเรนยืนกอดอก ดวงตาสีม่วงครามมองไปยังปราสาทใหญ่ดำทมึนเบื้องหน้า พิจารณามัน “เรามาทำไมกันที่นี่..” เธอถาม ผู้หญิงที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ก็หันมาสนใจกัน หากแต่ท่าทางยังดูกวนใจไม่เปลี่ยน คิดผิดไหมที่มากับหล่อน

“ก็เจ้าอยากรู้เรื่องข้าไม่ใช่หรือคุณหนู” ทัสมินย้อน ฮันเตอร์กลอกตาเซ็ง เธอหัวเราะเบาๆ “เอาน่า รับรองว่าข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่ๆ”

คุณหนูมาแชลนิ่งคิดสักพักและถอนหายใจ “โอเค.. ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง แค่เจ้าไม่ลืมว่า ถ้าคิดเล่นแง่กับข้า พรรคพวกของข้าพร้อมเสมอที่จะทำโทษเจ้าให้สาสม”

นางเสืออมยิ้มกับคำขู่เหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับมัน แต่ยกนิ้วโป้งให้คนขู่ราวชื่นชม ฟลอเรนให้เธอนำหน้า เธอก็นำ หากแต่ชะลอการก้าวขารอให้หล่อนได้เดินมาเคียงคู่ ชำเลืองมองดูใบหน้าของฮันเตอร์หนึ่งวินาที อยากเห็นปฏิกิริยาอาการแต่ก็พบว่าไม่มีอะไรนอกจากใบหน้าเรียบเฉย หล่อนไม่กลัวเลยหรือไรกับการอยู่กับเธอตามลำพังในสถานที่ที่ดูอันตราย หรือว่า...

ทัสมินดึงสายตากลับมาจากใบหน้าเด็กสาวและมองไปอีกด้านของทางที่กำลังเดิน เธอแน่ใจแล้วว่ากำลังถูกมอง พวกเธอไม่ได้อยู่กันแค่สองคนจริงๆ มีบางสิ่งกำลังตามติดเหมือนเงา นางเสือสาวยิ้มราวคนบ้า และส่ายหน้ากับสายตาของฮันเตอร์ที่มองมาอย่างสงสัย เด็กสาวถึงจะดูไม่เชื่อแต่ไม่ถามอะไรต่อ คราวนี้หล่อนเดินนำหน้าเธอไปราวกับรู้ทาง และพอลับหลังหล่อนได้เล็กน้อย เธอหยุดและพึมพำเสียงเบาแบบที่มีเพียงหูของมนุษย์ไม่ธรรมดาเท่านั้นที่จะได้ยิน

“ทำตัวเป็นอัศวินเงา ดูไม่เหมือนเจ้าเลยนะแวมไพร์ แต่ก็น่ารักดี”

นางเสือกับฮันเตอร์พากันเดินเข้าไปในคฤหาสน์ที่ดูรกร้างแล้ว ภายในสายตาของสองฝาแฝดที่มองตามหลังพวกหล่อน และหนึ่งในนั้นก็พึมพำ “หล่อนบอกว่า พวกเราน่ารัก ประชดใช่ไหม.?”

อีกคนหรี่ตาและเม้มปาก บอกชัดว่าอารมณ์ไม่ดี ร่างสูงเดินออกมาจากหลังต้นไม้ที่ซ่อนตัวอยู่เมื่อครู่ พูดพึมพำ “จะประชดหรืออะไรก็ช่าง ใช่ว่าฉันจะแคร์ และไม่มีใครห้ามฉันได้ ถ้าฉันจะกระชากหัวใจนางเสือออกมาจากอกหล่อน เมื่อใดที่หล่อนคิดชั่วร้ายกับฟลอเรน”

คนพูดเดินนำหน้าไปท่ามกลางสายตาประหลาดใจของแฝดคนน้อง แอลเอามือหนึ่งทาบอกและแสร้งทำท่าราวตกใจมากกับคำพูดนั้น เสียงพึมพำของเธอก็แสนจะขี้เล่นเหลือเกิน “โอ้.. พี่สาวฉันโหดจริง แต่สุดเซ็กซี่จริงๆ อยากให้เธอได้เห็นจริงๆเลย..ฟลอเรน.. ฮันเตอร์น้อย.. เธอจะหลงรักพี่ฉันบ้างไหม..”

........................................

เขาว่ากันว่า ปราสาทเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมักจะเป็นที่มาของเรื่องราวสยองขวัญเสมอ และเท่าที่เธอมีประสบการณ์มาก็คิดว่า ส่วนใหญ่เรื่องราวเหล่านั้นก็เป็นเรื่องจริง เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นในปราสาทหลังนี้นี่แหละ

“ตกลงว่า นี่คือบ้านของเจ้า?” ฟลอเรนถามคนนำทางแต่สายตามองไปรอบๆตัวแทนที่จะมองหน้าหล่อน

ได้ยินเสียงฮัมตอบรับมาก็ละดวงตาจากสิ่งที่มองอยู่ไปมองหน้ากันบ้าง อยากจะยืนยันกับตัวเองว่า ไม่ได้คิดผิดที่ตัดสินใจมากับหล่อนแทนที่จะอยู่ในเมืองและสืบหาตัวคนร้ายที่มาปล้นคลังเก็บเลือดเมื่อคืน แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพราะเฮเลนน่าเชียร์ให้มา เมื่อคุณแม่มดพบว่า รอยสักบนตัวของพวกโจรแวมไพร์นั่นอาจมีส่วนเกี่ยวพันกับนางเสือดำตรงหน้าเธอก็เป็นได้...

“แล้วทำไมมันกลายมาเป็นแบบนี้ ผู้คนหายไปไหนกันหมด” เด็กสาวถามงงๆ เธอเกือบจะล้มหัวคะมำเมื่อเดินไปเตะของบางอย่างที่วางเกะกะอยู่ตรงหน้า แต่เพราะทรงตัวดีอยู่แล้ว จึงรอดปลอดภัยแค่ใจหายวาบนิดนึง ไม่ทันมอง.. “รก.. และร้าง..”

“ก็มันไม่มีใครอยู่สักคน เป็นร้อยๆปีมาแล้ว” ทัสมินตอบไม่เต็มเสียง เหมือนไม่อยากพูดแต่จำเป็นต้องโต้ตอบ

“ทำไม..” คนช่างสงสัยราวนักสืบถามต่อ เธอได้ยินเสียงถอนหายใจแรงนำมาก่อนคำพูด

“ทุกๆคนกลัวคำสาป พวกเขาจึงทิ้งที่นี่”

“คำสาป.?”

“ใช่..คำสาป.. คำสาปที่ทำให้ข้ากลายเป็นนางเสือดำอย่างทุกวันนี้”

ประโยคนี้พาให้คนเอาแต่มองของรอบตัวหันมาหาคนพูดเต็มๆ ฟลอเรนจ้องสาวบลอนด์ตรงหน้าอย่างพิจารณา “หมายความว่า เจ้าโดนคำสาป.?” อีกสาวพยักหน้ารับถึงจะยังไม่เต็มใจอยู่

ทัสมินก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆบนผืนพรมที่มีแต่ฝุ่นหนา เด็กสาวที่เดินตามคิดว่า หากจะทำให้ปราสาทหลังนี้กลับมาใช้งานได้ดังเดิมอีกครั้งคงจะต้องใช้คนงานมาทำความสะอาดนับร้อยๆคนแน่ แต่นั่นก็ต่อเมื่อมีคนกล้ามาอยู่ที่นี่นะ

“ตระกูลของข้าเป็นนักรบขององค์ราชามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เราจึงมีทั้งผู้คนที่จงรักภักดีและเกลียดชัง และมันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเรา แต่พอมาถึงยุคของพ่อข้าที่จะต้องเป็นประมุขของบ้านสืบทอดจากท่านปู่ของข้า กลับเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น”

เสียงเล่าเรื่องหยุดกึก พาให้คนฟังอารมณ์สะดุดทั้งที่กำลังเพลิน ฟลอเรนหยุดเดินเมื่อร่างตรงหน้าหยุด เธอคิดจะถามว่าเหตุใดทัสมินจึงหยุดเดินกะทันหัน แต่สายตาก็ไปพบกับภาพวาดของชายหนุ่มหล่อเหลาที่แขวนอยู่กับผนังเบื้องหน้าเสียก่อน

แม้ภาพจะดูเก่ามากเพราะถูกกาลเวลากัดกิน หากแต่มันยังแสดงความงดงามของภาพออกมาได้อย่างดี ลายเส้นและรายละเอียดของภาพยังคงปรากฏให้เห็น คาดว่าสีที่ใช้ในการวาดคงเป็นสีที่ได้รับการคัดสรรมาว่าสามารถสู้กับลมหายใจของเวลาที่เป่ารดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันและสิ่งบั่นทอนอื่นๆ

“นี่คือ..?”

“ท่านพ่อของข้า”

ฟลอเรนแทบไม่เชื่อว่า เธอจะได้เห็นสาวช่างกัดราวสุนัขมากกว่าราชสีห์ผู้นี้ยืนน้ำตาคลอเมื่อหล่อนมองรูปภาพนี้ มันทำให้เธอสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเจ้า”

“สมัยที่ท่านยังเป็นหนุ่มแรกรุ่น ท่านพ่อของข้าชอบท่องเที่ยวผจญภัยไปตามที่ต่างๆตามลำพังกับเพื่อนรักของท่านสองสามคน เป็นเช่นนั้นมานานจนกระทั่งเมื่อท่านอายุได้ราวๆ สิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ประมาณเดียวกันกับเจ้าตอนนี้แหละ ที่เกิดเรื่องประหลาดกับท่าน”

“เรื่องนั้นคือ..?” เด็กสาวถามเสียงเริ่มเจือความขุ่น นั่นเพราะคนพูดดูจะลีลาท่ามากเกินไป “เจ้าอยากจะเล่าก็เล่าเถอะทัสมิน เจ้าย่อมรู้ดีว่า ข้าไม่ได้มีเวลามากนัก งานอื่นข้ายังมี”

“เจ้ามีข้อเสียตรงนี้แหละคุณหนูมาแชล ใจร้อนเกินไป แต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะเจ้ายังเด็ก ถึงจะพยายามมากเท่าไหร่ เจ้าก็หนีอายุจริงของตัวเองไม่ได้” นางเสือวิจารณ์ หากแต่ชะงักนิ่งยิ้มไม่ออกทันทีที่รู้สึกถึงของมีคมมาจ่อที่ลำคอ ฮันเตอร์สาวมองเธอตาวาวอยู่ตรงหน้า ท่าทางจะไปยั่วให้หล่อนหงุดหงิดเสียแล้ว

“เจ้าจะเล่าต่อหรือไม่เล่า หากไม่เล่าบอกมาคำเดียว แล้วข้าจะกลับพร้อมลากคอเจ้ากลับไปเข้ากรงขังด้วย เลือกมา!” ฟลอเรนตวาด ดวงตาสีม่วงครามนิ่งและฉายแววความข่มขู่ เธอไม่รู้หรอกว่า การขู่ของเธอสำเร็จหรือไม่ หรือทัสมินกลัวกริชในมือเธอหรือเปล่า แต่หล่อนก็ยอมเฉลยเรื่องราวที่ค้างเอาไว้ให้ฟัง

“ท่านพบรักกับสาวน้อยอายุไล่เลี่ยกับท่านที่หมู่บ้านหนึ่งกลางป่า และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แต่ก็ต้องลาจากกันเพราะท่านพ่อของข้าต้องกลับมาเข้ารับราชการทหาร มาเป็นอัศวินให้กับองค์ราชา ท่านขาดการติดต่อกับหญิงสาวนางนั้นโดยสิ้นเชิง และลืมนางไปตามกาลเวลา ท่านแต่งงานกับท่านแม่ของข้าที่ถูกเลือกให้เป็นคู่ครอง และมีข้า....”

“โอ้.. อย่าบอกนะว่า แท้จริงแล้วหญิงนางนั้นที่ท่านพ่อของเจ้าเจอกลางป่า เป็นแม่มดสายดำ และบุกมาสาปเจ้าให้เป็นแบบนี้ในวันที่เจ้าเกิด” ฮันเตอร์พูดแทรกเรื่องเล่าราวกับอยู่ในเหตุการณ์นั้นเสียเอง พอเห็นอีกคนพยักหน้าให้ กริชก็ถูกดึงกลับมาจากลำคอของหล่อน เธอถอนหายใจเหนื่อย และท่าทางที่เธอแสดงออกก็ไปทำให้คนมองแปลกใจ

“ทำไม.. เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ..”

“ใช่.. มันเหมือนนิทานหรือนิยายมากเกินไปแล้วทัสมิน นี่ถ้าเจ้าบอกข้าว่า ผลของคำสาปนั่นแสดงออกมาตอนที่เจ้าอายุสิบแปดหรือสิบหกปี ข้าจะบอกเจ้าเลยว่า เจ้าควรจะกลับไปอ่านนวนิยายแนวแฟนตาซีที่เกี่ยวกับแม่มดใหม่อีกครั้ง เพราะพล็อตเรื่องของเจ้ามันซ้ำกับคนอื่นมากไป หากจะเขียนจำหน่าย” ฟลอเรนลอยหน้าลอยตาพูดและเตรียมจะหันหลังกลับออกไปจากปราสาทร้างที่ท่าทางจะหลอกให้เธอเสียเวลาทำงานเสียแล้ว เด็กสาวคิดแผนเอาไว้ว่า หากนางเสือไม่ตามเธอออกมาแล้ว ก็จะให้อัลร์หรือแอลมาลากคอหล่อนออกไปให้ แต่ความคิดก็ได้แค่คิดเมื่อหล่อนเข้ามายืนขวางดักตรงหน้า

“ข้าไม่ได้พูดปดนะฮันเตอร์ แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าจะพาเจ้าไปดูหลักฐานที่เกิดขึ้นวันที่นางสาปข้า”

ฮันเตอร์ชั่งใจอยู่สักพักก็พยักหน้าตอบตกลง คงเพราะแววตาแน่วแน่ของดวงตาสีครามที่พยายามจะทำให้เธอเชื่อ แต่กระนั้น ก็ยังไม่วายจะขู่หล่อน “หากข้ารู้ว่า เรื่องทั้งหมดนี้เจ้ากุขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ข้ากลับไปหาตัวคนร้ายที่ปล้นคลังเลือดล่ะก็ เจ้าควรรู้เอาไว้ว่า ถึงเจ้าจะเป็นอมตะ เจ้าก็จะไม่มีความสุขตลอดไป ข้าจะตามล่าเจ้าตลอดชีวิต”

ทัสมินยิ้มรับพร้อมพยักหน้า “ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำมันอย่างแน่นอน ถึงเจ้าจะไม่บอกเช่นนี้ แต่ข้าขอแนะนำเจ้าหน่อย หากเจ้าไม่ต้องการจะเสียเวลามากไปกว่านี้ เจ้าควรตามข้ามา และบอกให้เพื่อนแวมไพร์ของเจ้าออกมาจากที่ซ่อนได้แล้ว ข้าไม่ชอบเป็นเป้าให้พวกถ้ำมอง”

นางเสือดำแอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงลมหวีดหวิวดังมาจากทางหน้าต่างและปรากฏสองร่างสูงในเงามืดขึ้นมา มันไม่น่าแปลกใจสักนิดที่พวกถ้ำมองที่เธอว่าจะมาโผล่โชว์ตัวเอาตอนนี้ นั่นเพราะแวมไพร์สองฝาแฝดสามารถเข้ามาในตัวปราสาทได้ทันทีเมื่อได้รับคำเชิญจากเจ้าของสถานที่

“พวกคุณแอบกันยังไงคะ เค้าถึงรู้..” ฟลอเรนกระซิบถามเสียงเบากับสองสาวที่เข้ามาเดินขนาบข้างขณะที่นางเสือดำเดินนำหน้าพวกเธอไป สองแวมไพร์ยิ้มเจื่อน

“ยัยนั่นเป็นเสือนะฟลอเรน หล่อนทั้งจมูกดีและหูดี ประสาทสัมผัสดีทุกอย่างไม่ต่างจากพวกฉัน การแอบตามหล่อนไม่ให้รู้ตัว มันเป็นเรื่องง่ายเมื่อไหร่กัน” แฝดน้องกระซิบกลับมา แฝดพี่ก็พยักหน้าเห็นด้วย สาวน้อยฮันเตอร์คนสวยจึงจนปัญญาจะต่อว่าอัศวินแวมไพร์ของตัวเองต่อ คงต้องปล่อยเลยตามเลย

“โอเคค่ะ โอเค.. งั้นก็ตามหล่อนไปแล้วกันค่ะ เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ” ฟลอเรนตัดสินใจ พวกเธอสามคนก็เดินตามหลังหนึ่งสาวที่เดินนำนั้นไปอย่างระวัง

จริงอยู่ที่พวกเธอมีกันอยู่สามคนและค่อนข้างจะมีฝีมือ แต่เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและคนนำทางไว้ใจไม่ค่อยได้แบบนี้ การระวังไว้ก่อนน่าจะดีกว่า แต่ขนาดคิดว่าระวังมากพอแล้ว คนบางคนก็ยังไม่วายจะซุ่มซ่ามได้อยู่ ฟลอเรนสะดุดอะไรบางอย่างที่พื้นจนเซแทบล้ม แต่ใครบางคนก็ไวพอที่จะรวบตัวเธอไว้ก่อนจะล้มลงวัดพื้น

“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวกระซิบเบาๆกับเจ้าของอ้อมแขนที่รับตัวเธอเอาไว้ได้ก่อนร่วงพื้น อัลร์ยิ้มรับบางๆกลับมา ทำราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ หากความใกล้ชิดแบบนี้ไม่ทำให้หัวใจเธอเต้นรัวราวจะหลุดจากอก ยิ่งถูกมองจ้องด้วยดวงตาสีฟ้าใสที่ส่องประกายงดงามในความสลัวของบ้านร้างหลังนี้ เธอยิ่งพบว่า แข้งขาของเธอหมดแรงไปดื้อๆ และถ้าหล่อนไม่พูดออกมาเธอคงไม่ได้สติ

“เจ็บตรงไหนไหมฟลอเรน”

เจ้าของชื่อกระพริบตาและพบว่า สองแก้มยิ่งร้อนผ่าว กระทั่งอีกสาวปล่อยมือออกจากตัวเธอแล้วก็ยังไม่วาย อาจเป็นเพราะเธอเห็นว่ามีอีกสายตามองมาทางเธอ และเจ้าของมันก็ยิ้มเหมือนจะรู้อะไรสักอย่างอย่างนั้น..

โอ้..อย่าบอกนะว่า แอลรู้ว่าเธอแอบชอบพี่สาวเขา.?!

แต่เอ๊ะ เธอชอบอัลร์แบบนั้นจริงๆหรือไงเนี่ย.. เค้าเป็นผู้หญิงเหมือนเธอนะ!

แล้วความรักมันมีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวด้วยหรือไร... เสียงเล็กๆในหัวเธอถามขึ้นมา แต่ใครกันล่ะที่จะตอบ...

“นี่.. ให้ฉันเดินตามยัยนั่นไปก่อนไหม..” แอลถามขึ้นในที่สุด แต่ไม่ยอมหยุดรอคำตอบก่อน ร่างสูงผอมเดินตามหลังนางสาวเสือดำไปเสียแล้ว และตอนนี้ที่ตรงนี้ก็เหลือแค่เพียงพวกเธอสองคน

“แอลทำไมรีบจัง ทัสมินหนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว คุณเฮเลนน่าร่ายคาถาไว้กับตัวเค้า ถึงหนีไปเราก็หาเจอ” ฟลอเรนพึมพำระหว่างมองตามหลังสองสาวที่ตอนนี้เห็นแค่แผ่นหลังไวไว และเธอตกใจกับคำพูดลอยๆของคนที่ยืนอยู่ใกล้กัน

“เค้าคงอยากให้เราได้อยู่กันสองคนบ้างมั้ง”

ดวงตาสีม่วงครามจ้องสีฟ้าอย่างตั้งคำถาม แล้วมันก็ทำให้คนโดนจ้องยิ้มเจื่อน อัลร์หน้าสลดเหมือนทำความผิดบางอย่างที่เธออาจจะโกรธ

แต่จะโกรธเรื่องอะไรกันล่ะ เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย..

“ขอโทษที เราตามพวกเค้าไปกันเถอะ” อัลร์บอกขอโทษออกมาเฉยๆ ทั้งที่ยังไม่ได้มีใครว่าอะไร พาให้คนถูกขอโทษยืนงง จึงไม่ทันสนใจจะเดินตามหลังกัน ร่างสูงเดินห่างออกไปทุกทีแล้ว แต่คนงงยังคงเหม่อและอึ้งอยู่ที่เดิม แต่แล้วเสียงค้างคาวที่บินข้ามศีรษะก็พาให้ตื่นจากภวังค์

“ว้าย..” ฟลอเรนอุทานตกใจพร้อมก้มตัวหลบเจ้านกมีหูหนูมีปีกที่กำลังจะบินมาอีกชุด และพอเธอรู้ตัวว่าถูกทิ้งไว้คนเดียวก็รีบก้าวขาตั้งใจจะตามหลังสาวสามคนที่เดินนำให้ทัน

แต่เพราะรีบเดินมากจนไม่ได้ดูทางหรือระวังน้อยเกินไป เด็กสาวจึงชนเข้าเต็มๆกับคนที่วิ่งกลับมาหาเธอเพราะได้ยินเสียงเธอร้อง และแรงกระแทกของสองร่างที่ชนกันอย่างลืมยั้ง พวกเธอทั้งคู่จึงกลิ้งคลุกฝุ่นอย่างไม่ตั้งใจ

สงสัยต้องฆ่าเชื้อโรคกันยาวล่ะงานนี้...

แต่ตอนนี้เปิดตาดูก่อนดีกว่าไหมว่าใครที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเธออยู่ตรงนี้..

“อัลร์.?” ฟลอเรนเรียกชื่ออีกคนที่ปล่อยให้เธอนอนทับตัวอยู่แทนพื้นแข็งๆ แต่แทนที่เธอจะทำให้หล่อนได้สติและพูดกับเธอ หรือลุกขึ้นพากันยืนหรือนั่ง แวมไพร์กลับเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตาราวกับว่า เธอมีอะไรติดอยู่ที่หน้าอย่างนั้น

“อัลร์---” คราวนี้เสียงเรียกของเธอขาดหายไปเมื่อมันถูกกลืนเข้าไปอยู่ในลำคอของอีกคนที่ประกบปากเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว

ฟลอเรนตกใจกับสิ่งที่แวมไพร์ทำกับเธอแต่เธอตกใจกับตัวเองมากกว่าที่จูบตอบหล่อน ไม่ใช่แค่ยอมให้จูบ และไม่ใช่แค่จูบตอบกลับเฉยๆเหมือนครั้งที่แล้วที่เคยทำ เธอขยับตัวเองที่อยู่บนตัวหล่อนเพื่อให้ถนัดที่จะแลกสัมผัสกันได้อย่างต่อเนื่อง แว่วหูได้ยินเสียงคนด้านล่างครางเบาๆ ร่างกายเธอร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

มือเย็นๆของคนข้างใต้ตัวเธอขยับเข้ามาในร่มผ้า อัลร์สัมผัสแผ่นหลังเปล่าๆของเธอราวกับต้องการจะสัมผัสมันมาแสนนาน หล่อนทั้งลูบไล้ทั้งกดปลายนิ้วไปตามเนื้อนุ่มของเธอ พาให้เธอห้ามตัวเองไม่ได้ไม่ให้ส่งเสียงตามอย่างที่หล่อนทำ ความรู้สึกตอนนี้ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น ทั้งลุ้นว่ามันจะเกิดอะไรต่อไปอีก

ลิ้นชุ่มฉ่ำเล็มเลียริมฝีปากเธอราวจะขออนุญาตบางอย่าง และสัญชาตญาณที่เทคโอเว่อร์ร่างกายก็พาให้เธอเผยอปากรับมันเข้ามา นั่นเองที่เด็กสาวผู้ไร้เดียงสาในเรื่องรักเก่งแต่รบได้รู้จักว่าการจูบที่แท้จริงเป็นยังไง เธอครางอย่างช่วยไม่ได้ และรู้สึกต้องการถูกสัมผัสมากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงที่จะบอกอีกคนได้ว่าเธอต้องการ ประสบการณ์ในเรื่องนี้ของเธอไม่มี แต่คนที่รู้ดีเพราะเกิดมาก่อนนานมากกำลังจะทำให้เธอคลั่งตายเมื่อมือหล่อนเลื่อนลงไปบีบก้นเฟิร์มๆของเธอ พาสะโพกเธอโยกอัตโนมัติ

ของรัก ณ เรือนกายช่วงล่างของเธอเสียววาบอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันคืออะไรก็ไม่รู้ เธอไม่เคยเป็น ทั้งของเหลวที่ไหลซึมออกมาราวกับว่าเธอมีประจำเดือนนั่นมันคืออะไร โตมาจนเป็นสาวขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว มันแปลก...

หรือว่า..มันจะเรียกว่า เธอเกิดอารมณ์ทางเพศ เธอต้องการจะมีเซ็กส์กับหล่อนใช่หรือไม่ เธอโตพอสำหรับมันแล้วหรือไร และมีกับผู้หญิงที่เป็นแวมไพร์เนี่ยนะเป็นเรื่องที่ควรทำงั้นหรือ.. คำถามผุดขึ้นมาในหัวเธอเต็มไปหมด แต่ทุกอย่างก็หลุดหายไปจนเกือบหมดเมื่อเธอสะดุ้งกับเสียงร้องกรี๊ดดังลั่นทั้งปราสาท

สองร่างที่กำลังนัวเนียกันอย่างเมามันส์หยุดชะงักดั่งถูกเบรก ฟลอเรนตาโตตกใจเมื่อพบว่า มือเธออยู่ในสภาพที่กำลังบีบหน้าอกคนด้านล่างอยู่ และมือของหล่อนนอกจากจะอยู่ที่ก้นของเธอแล้วข้างหนึ่ง อีกข้างก็กำลังจะสัมผัสโดนจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเธอ มันวางอยู่บนท้องน้อยแล้วล่ะ

หมายความว่าอีกนิดเดียวเท่านั้น เธอก็จะได้เรียนรู้ประสบการณ์การมีเซ็กส์ครั้งแรกแล้ว แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายหรือเปล่า...

“โอ้.. ขอโทษฟลอเรน!” อัลร์ร้องตกใจและผุดขึ้นนั่ง พาตัวเธอหล่นไปนั่งบนตักแทน แต่มันก็หมิ่นเหม่ว่าจะตกลงกับพื้นแล้ว พลาดไปอีกนิดเดียว

หากแต่แม้อีกคนจะได้สติกลับมา ตัวเธอยังคงมึนอยู่และรับสถานการณ์ไม่ทัน จึงยังนั่งอยู่แบบนั้นไม่ยอมขยับกาย จนกระทั่งได้ยินเสียงอ้อนวอนจากหล่อนกระซิบ

“ฟลอเรนลุกขึ้นค่ะ ถ้ายังอยู่แบบนี้ เราคงไม่ได้ไปไหน เมื่อกี้เสียงอะไรไม่รู้” แวมไพร์ไม่พูดเปล่า เธอยืนขึ้นลากอีกสาวติดมือมาด้วยกันทั้งที่หล่อนยังเหมือนไม่รู้เรื่องนี่แหละ แต่ยังไม่รู้เรื่องตอนนี้ก็ดี จะได้ประวิงเวลาให้เธอที่จะไม่โดนถามอะไร

แวมไพร์แอบคิดเข้าข้างตัวเอง สั่นหัวแรงๆพยายามข่มอารมณ์ความกระหายที่เกิดขึ้นมาในตัว กระหายทั้งรัก และเลือด...

อา..อย่านะ ไม่ใช่ตอนนี้.!

อัลร์ปัดฝุ่นที่ตัวตัวเองเร็วๆและปัดให้ฟลอเรนด้วย ก่อนจะพาดึงมือไปตามทางที่คิดว่าเสียงดังมาจากทางนั้น แอบดีใจที่ยังไม่ถูกถามอะไร เด็กสาวยังคงตามหลังเธอมาเงียบๆ แต่ดูเหมือนความสบายใจจะอยู่กับเธอไม่ได้นานนัก เมื่อเสียงของคนที่เธอรัก ตั้งคำถามขึ้นมากับเธอจริงๆ

“คุณทำอะไรฉันเมื่อกี้.. เมื่อกี้เราสองคนทำอะไรกันคะอัลร์.?”





..........................................


นิยายเรื่องนี้จัดพิมพ์เป็นหนังสือแล้วค่ะ  มีทั้งอีบุ๊คและหนังสือเล่ม

หนังสือเล่มสามารถสั่งซื้อได้เลยที่คนเขียน  ส่วนอีบุ๊ค  รบกวนไปตามลิงค์นี้ค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ  http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NToiNTE0NjgiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo0OiI5NTU3Ijt9



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.