web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 137
Total: 137

ผู้เขียน หัวข้อ: แพร่งหัวใจ บทที่ 7  (อ่าน 1843 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
แพร่งหัวใจ บทที่ 7
« เมื่อ: 06 มีนาคม 2014 เวลา 17:04:51 »




   ปารย์อดที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายไม่ได้ หล่อนเบื่อเสียงรอบตัวที่ดังจนจับใจความอะไรไม่ได้สักอย่าง เธอพูดคุยกับคนอื่นเล็กน้อย ตอบเมื่อถูกถามแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มคุยกับใครก่อน หญิงสาวนึกถึงอาทิตย์ที่ผ่านมา ปอรู้สึกมีความสุขกว่าเคย ไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะหล่อนไม่มีเพื่อนสนิทให้พูดคุย เป็นครั้งแรกที่ได้ทำแบบนี้กับใครสักคน และได้อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งมากกว่าแค่ช่วงเวลาแห่งความหรรษา

   เธอเฝ้ามองแผ่นหลังบางๆ นั่นนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวัน บางวันก็หายไปจากห้องตั้งแต่เช้า กลับมาอีกทีก็มืดค่ำพร้อมกับหอบของพะรุงพะรัง เป็นการกระทำที่ไร้คำอธิบายแต่หญิงสาวสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก นักเรียนทุน ข้าวของเครื่องใช้ดูผ่านการใช้งานมาหลายปี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านคงไม่ดีสักเท่าไหร่นัก แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับปารย์เลย จริงๆ ถ้าคนตรงหน้าเพียงเอ่ยออกมา คนตัวสูงก็ยินดีจะแบ่งเงินให้ใช้โดยตัวเองไม่เดือดร้อนเลยสักนิด



   วิชาเรียนในคาบแรกของวันเป็นวิชาพื้นฐานที่นักศึกษาทุกคนต้องเรียนเหมือนๆ กัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะลงเรียนในเทอมแรก หล่อนเดินขึ้นบันไดอย่างไม่รีบร้อนเพราะเผื่อเวลาสำหรับการเข้าเรียนไว้เกือบครึ่งชั่วโมง  ตอนที่เธอออกมาเพื่อนร่วมห้องยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ หญิงสาวเช็กหมายเลขห้องที่เรียนกับตารางเรียนในมือก่อนจะเดินเข้าไป ภายในห้องมีนักศึกษานั่งอยู่เกือบครึ่งบ่งบอกว่าทุกคนตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่จะเริ่มเรียนในมหาวิทยาลัย

   คนตาโตเดินไปนั่งที่แถวแรกของห้อง หล่อนเลือกนั่งที่ตรงกลางซึ่งเด่นที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะอยากจะเป็นที่จดจำและสนใจ แต่มีประโยชน์เวลาต้องจดที่อาจารย์สอนบนกระดานด้วย อีกอย่างห้องเรียนนี้ค่อนข้างทันสมัยเพราะกระดานเป็นแบบเขียนด้วยเมจิกไม่ใช่ชอล์กจึงไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่น

   “เธอ...เธอชื่อน้ำหวานใช่ป่ะ” สาวน่ารักที่หน้าตาดูก็รู้ว่ามีเชื้อสายจีนสะกิดถามจากข้างหลัง

   “อือ ใช่” เธอตอบรับ ไม่แปลกใจกับคำถามเท่าไหร่นัก ใครๆ ก็คงรู้ชื่อหล่อนถ้าคนๆ นั้นร่วมกิจกรรมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

   “เราชื่อทิพย์นะ เห็นเธอตั้งแต่วันกิจกรรมของคณะแล้ว แต่วุ่นวายไปหมดเลยไม่ได้ทัก” เพื่อนร่วมห้องอธิบายด้วยน้ำเสียงสบายๆ แลดูเป็นคนง่ายๆ และสนอกสนใจเรื่องของคนอื่น

   “ยินดีที่ได้รู้จัก” หล่อนยิ้มแบบเดิมที่ทำประจำ

   “ถามหน่อยสิ ผมเนี่ยดัดหรือเป็นอยู่แล้ว” เพื่อนใหม่มองอย่างอยากรู้ มือขาวๆ นั่นลูบผมของปองกานต์เล็กน้อย

   “กรรมพันธุ์น่ะ”

   “สวยอ่ะ อยากเป็นบ้าง” อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างซื่อๆ น้ำหวานนึกขำเพราะเธอเองก็อยากมีผมตรงอย่างทิพย์เช่นกัน ถ้าแลกกันได้คงสมใจทั้งคู่ หล่อนไม่ค่อยชอบผมของตัวเองสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเวลาที่เปียกน้ำอย่างตอนสระผม เพราะผมจะพันกันง่ายและหวียากมาก

   “ดัดดูสิ ซื้อเครื่องมาดัดเองก็ได้” หญิงสาวพยายามแนะนำ

   “ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ ต้องนั่งดัดทุกวันเบื่อตายเลย” เพื่อนสาวทำปากยื่นเหมือนเด็กเวลาไม่ได้ดั่งใจ ดูไปก็น่ารักไม่น้อย ตาที่หยีอยู่แล้วก็หรี่จนแทบมองไม่เห็นนัยน์ตา

   “อรุณสวัสดิ์หวาน” เสียงที่คุ้นดังขึ้นจากโต๊ะข้างๆ

   “ดีต้น” หล่อนหันไปแล้วเห็นลักยิ้มมีเสน่ห์บนใบหน้าของเพื่อนอีกคน

   “ไม่นึกว่าจะได้เรียนห้องเดียวกัน” เสียงห้าวๆ นั่นบอกอย่างดีใจ

   “เหมือนกัน” เธอยิ้มกลับไป

   “อ้อต้นนี่ทิพย์ ทิพย์นี่ต้น” หญิงสาวแนะนำเพื่อนทั้งสองคนให้รู้จักกัน

   “ยินดีที่ได้รู้จัก” เสียงหนึ่งหวานอีกเสียงแหบแต่ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน

   “ยังจำคำชวนของผมได้รึเปล่า” คนข้างๆ ทวงถาม

   “ได้สิ” เพื่อนหมวยมองทว่าไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาว่าคำชวนนั้นคืออะไร

   “เย็นนี้ดีไหม” ปองกานต์ยิ้ม เขาเป็นคนฉลาดเลือกเวลา เพราะตอนกลางวันคงได้แค่กินข้าวกัน แต่ถ้าตอนเย็นก็สามารถไปทำอย่างอื่นต่อได้มากกว่านั้น

   “เอาสิ” น้ำหวานตอบรับ อยากรู้ว่าต้นจะทำอย่างไรต่อไป



   สาวผมสั้นเดินอย่างช้าๆ ซื้อแซนวิชที่ร้านค้าเล็กๆ ใต้คณะ เธอไม่ชอบคนเยอะๆ ไม่ชอบเสียงดังจึงพยายามหลีกเลี่ยงโรงอาหาร โดยเฉพาะวันแรกแบบนี้คงวุ่นวายน่าดู หล่อนกัดแซนวิชรสทูน่ามายองเนส รสชาติพอทานได้ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก แวบหนึ่งอดคิดถึงสาวน่ารักบอบบางไม่ได้ คนตัวสูงเกิดคำถามขึ้นในใจว่าป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นจะทานข้าวกลางวันหรือยัง ที่สำคัญคือไปทานกับใคร ยิ้มแบบนั้นคงได้เพื่อนใหม่เยอะ

   “ไม่ไปทานข้าวที่โรงอาหารเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้ปอหลุดจากห้วงความคิดของตัวเอง ตาสีน้ำตาลอ่อนมองคนข้างหน้า และหล่อนก็จำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ทักเธอเป็นคนแรกของวัน

   “ไม่ล่ะ” หญิงสาวตอบเสียงนิ่ง

   “แค่นี้จะอิ่มเหรอ” นัยน์ตาดำนั้นมองที่ขนมปังรูปสามเหลี่ยมในมือของเธอพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย

   “อิ่มสิ” ปารย์ตอบอย่างประหยัดถ้อยคำ

   “ถ้าไม่อิ่มไปซื้อข้าวกล่องของการบินไทยที่ร้านเล็กๆ ตรงนู้นก็ได้นะ หลบอยู่ที่ใต้ต้นไม้น่ะ” เขาแนะนำอย่างหวังดี

   “ขอบใจ” หล่อนมองไปตามมือหนาๆ ที่อีกฝ่ายชี้

   “จำเราได้รึเปล่าเนี่ย” จู่ๆ ชายตรงหน้าก็ถาม

   “ต้าใช่ไหม” ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในความทรงจำอันเลือนราง

   “นึกว่าจะจำไม่ได้แล้ว” เขายิ้ม ทำให้หน้าที่ดูค่อนข้างบึ้งตึงนั้นดูผ่อนคลายขึ้น

   “ไว้เจอกันในห้องเรียน” เพื่อนหนุ่มพูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป เมื่อเห็นว่าปารย์ไม่ตอบหรือพูดคุยอะไรอีก คนตัวสูงถอนหายใจ รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างหาสาเหตุไม่ได้



   ณ โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยปองกานต์กับเพื่อนอีก 4 คนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนอาจารย์จะเข้าสอนได้ไม่นาน เธอก็ได้รู้จักกับฝันและฝน ฝาแฝดที่แทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ทั้งสองคนพูดจาเข้ากันได้ดีจนหล่อนนึกแปลกใจ คนหนึ่งพูดออกมาประโยคหนึ่งและอีกคนก็พูดต่อเหมือนกับมีความคิดเดียวกัน หญิงสาวไม่เคยเจอแฝดที่เป็นแบบนี้เลยจริงๆ คนผมยาวชอบมองเวลาที่ทั้งสองพูด ชอบเวลาที่ความคิดของคนสองคนรวมเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ขนาดทิพย์เองยังมองอย่างทึ่งๆ ต้นสนใจทั้งสองคนเพียงครู่เดียวก่อนจะหันมาสนใจเธอแทน

   “นี่รู้รึเปล่ารุ่นพี่คนนั้นน่ะ” หญิงสาวที่น่าจะชื่อฝันเปิดประเด็นใหม่

   “คนที่หล่อๆ ที่นั่งตรงมุมนู้นไง” แฝดอีกคนพูดต่ออย่างลื่นไหล

   “ทำไมเหรอ” น้ำหวานถามด้วยความข้องใจ เพราะรุ่นพี่ที่ทั้งสองเอ่ยถึงคือพี่ดลรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้ากิจกรรมคนนั้นนั่นเอง

   “ได้ข่าวว่าเก็บตัวน่าดูเลย” ฝันพูดเสียงเบาลงคล้ายเป็นเรื่องลับ

“ขนาดดาวคณะมนุษย์ฯ ไปจีบยังโดนปฏิเสธเลย” ฝนทำตามด้วยนัยน์ตาระริกไหว

“พี่เขาคงช่างเลือกมั้ง” หล่อนคาดเดา ปากยิ้มให้กับพฤติกรรมของเพื่อนใหม่ ทั้งสองคนเป็นคนน่ารักจิ้มลิ้ม ดูผาดๆ ก็คล้ายกับตุ๊กตา ขนาดนินทาคนอื่นยังน่าเอ็นดูเลยด้วยซ้ำ

“เลือกมากเกิน” ฝนไม่วายเหน็บพี่ดล

“ถึงจะหล่อแต่ก็ขอผ่านดีกว่า” เป็นอันว่าจบประเด็น เพื่อนใหม่พูดเก่งมากจนทำให้เธอ ต้น และทิพย์กลายเป็นคนพูดไม่เป็นไปเลยทีเดียว แต่นั่นก็ทำให้ปองกานต์รู้สึกว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยมีสีสันขึ้น สองคนนี้ทำให้ชีวิตของน้ำหวานไม่เคร่งเครียดจนเกินไป

“ต้น ที่บ้านทำอะไรเหรอ” สาวหมวยถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากที่เงียบมานาน สองคนฝาแฝดเงียบรอคำตอบทันที

“อ้อ ที่บ้านขายรถมือสองน่ะ” เขาตอบอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก

“ดีเนอะ ลองขับได้ตั้งหลายยี่ห้อ”

“จริงๆ ก็งั้นๆ แหละ ยังไงก็มือสองอยู่ดี” เขาดูไม่ค่อยชอบใจนัก

“ถ้ามีโอกาส” ฝันเอ่ย

“ขอลองบ้างสิ” ฝนต่ออย่างกระตือรือร้น

“เอาสิ เดี๋ยวขอพ่อให้ ปกติก็จอดไว้ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว” ต้นตอบรับอย่างง่ายๆ

“หวานสนใจไหม” ตาสีน้ำตาลกึ่งเข้มกึ่งอ่อนมองมา

“หวานขับไม่เป็นหรอก” เธอตอบตามจริง อย่าว่าแต่รถยนต์เลย แค่รถจักรยานยนต์หล่อนยังไม่เคยขี่ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นจักรยานล่ะก็สบาย

“ผมสอนให้เอาไหม ฝึกไว้ก็ดีนะเผื่อต้องขับจะได้ไม่ต้องมานั่งหัดไง” เขาเสนออย่างคนใจดี แต่แววตาบ่งบอกให้รู้ว่าเพราะเหตุใด

“ถ้าไม่รบกวนต้นเกินไป หวานก็อยากเรียนนะ” หล่อนเกริ่นเหมือนเกรงใจ

“โอเค เดี๋ยวหาเวลาว่างๆ ไปหัดกัน” เขาพูด และจากนั้นทิพย์ก็มีเรื่องสงสัยไม่รู้จักจบสิ้น ปองกานต์ยิ้มและคิดว่าวันนี้ได้รู้จักแต่คนแปลกๆ คนละเรื่องกับตอนเรียนมัธยมเลย



หลังเลิกเรียนน้ำหวานนั่งรถของอีกฝ่ายไปโดยที่ไม่รู้จุดมุ่งหมายปลายทาง หญิงสาวไม่อยากจะถามเพราะคิดว่าอีกไม่นานก็จะรู้เองว่าสถานที่จะไปนั้นคือที่ไหน

   “ชอบฟังเพลงแนวไหนครับ” เพื่อนร่วมคณะถาม สายตาเขายังจับจ้องที่ถนน

   “ฟังได้หมดแหละค่ะ” คนร่างบางตอบกว้างๆ เธอไม่ค่อยได้ฟังเพลงมากนัก ส่วนมากที่รู้จักก็เป็นเพลงที่ดังๆ กำลังเป็นกระแสเสียมากกว่า

   เขาพยักหน้าเล็กน้อยรับรู้ก่อนจะเอื้อมมือเปิดแผ่นซีดีในรถ แล้วเสียงเพลงก็ดังขึ้นอย่างนุ่มนวล เป็นเพลงที่หล่อนไม่เคยฟัง แต่รู้สึกคุ้น

‘ตั้งแต่วันแรกเลยที่เราได้รู้จักกันจนถึงวันนี้
หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป
ทุกครั้งที่เราได้พบกัน ได้เจอกัน ได้พูดคุยกัน
มันทำให้ผมรู้สึกประทับใจและอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันครับ
ผมก็ไม่รู้นะครับว่าผมรู้สึกอย่างนี้อยู่คนเดียวรึเปล่า
แต่มันก็นาน…กว่าผมจะเข้าใจและรู้ในใจของผมเอง
และวันนี้ผมมีอะไรจะบอกคุณครับ ฟังนะครับ…

…อยากมีคำพูดง่ายๆ อยากกระซิบเธอใกล้ๆ บอกความหมายในหัวใจของฉัน
ลึกๆ ข้างในนั้น เฝ้ารอคอยด้วยความหวัง ว่าเธอนั้นคงมีใจรู้สึกเหมือนกัน…’ *

   สาวผมยาวยิ้มเล็กน้อย แอบมองหน้าคนขับ เพราะเพลงช่างไม่เหมาะกับคนฟังเลยแม้แต่นิดเดียว อีกอย่างดูแล้วเขาคงไม่ได้จะตั้งใจจีบหล่อนด้วยเพลงอย่างแน่นอน วิธีโบราณแบบนี้ดูเหมือนจะไม่เข้ากับสิ่งที่ผ่านมา ต้นคงชอบฟังเพลงแนวนี้จริงๆ แต่ก็แปลกคนเจ้าชู้กับฟังเพลงรัก รักแบบอบอุ่นซะด้วย

   “ชอบเพลงนี้เหรอ” ในที่สุดเธอก็ถามออกไปจนได้

   “อืม เพราะดีนะ ฟังแล้วสบายใจดี” สาวหล่อตอบอย่างไม่คิดอะไร หล่อนจึงได้แต่ยิ้ม เพื่อนคนนี้ก็มีมุมน่ารักแบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน

   เมื่อเพลงที่สองได้จบลงอีกฝ่ายก็หักพวงมาลัยเข้าไปในบริเวณห้างชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา และเป็นแหล่งซื้อของของบรรดาคนมีเงิน

   เขาจูงมือเธอให้เดินไปด้วยกันอย่างแนบเนียน ไม่ทำให้ปองกานต์รู้สึกได้เลยว่าถูกฉวยโอกาสอยู่ หญิงสาวแอบสงสัยว่าคนเจ้าชู้เป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่า

   ฐานิตพาหล่อนเข้าไปในร้านอาหารธรรมดาร้านหนึ่ง ดูภายนอกค่อนข้างหรูหรา แต่ภาพอาหารที่ติดตามผนังก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษจากที่เธอเคยเห็นในร้านอื่น

   “ผมเลี้ยงนะมื้อนี้” เขาพูดและยิ้มสวย

   “อย่าเลย หวานจ่ายเองดีกว่า” ถึงหล่อนจะไม่ค่อยมีเงินมากนัก แต่เธอก็มีศักดิ์ศรีไม่เคยคิดจะเกาะใครกิน แม้ว่าคนๆ นั้นจะเต็มใจ เพราะถ้าคิดจะทำจริงคงทำได้นานแล้ว ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาเงินอย่างทุกวันนี้

   “ให้ผมเลี้ยงเถอะ นี่ร้านเพื่อนพ่อผมเอง”

   “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” สาวนัยน์ตาน้ำตาลเข้มยังคงยืนกรานเช่นเดิม

   “เอาอย่างนี้ละกันครับ ผมเลี้ยงข้าว หวานเลี้ยงหนังดีไหม วันนี้หนังเรื่องใหม่เข้า น่าสนุก ไปดูกันนะ” คำพูดของคนตรงหน้าทำให้คนผมยาวยิ้มออก และพยักหน้าตกลงในที่สุด ต่อรองได้ฉลาดมาก ลูกเล่นแพรวพราวจริง พลิกเป็นโอกาสได้ตลอด แต่ก็ไม่บีบคั้นจนเกินไป เป็นวิธีการที่น่าสนใจจนหล่อนคิดว่าน่าจะลองนำไปปรับใช้กับคนรอบข้างของตัวเองดูบ้าง ปกติเธอใช้แต่รอยยิ้มกับคำพูดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ค่อยได้ต่อรองแบบนี้สักเท่าไหร่นัก
-------------------------------------------------------------
* เพลง คำพูดง่ายๆ โดย นภ พรชำนิ


โทษทีนะคะ จริงๆ ว่าจะลงตั้งแต่วันจันทร์ แต่ต้องไปทำธุระต่างจังหวัดหลายวันพอดี ไม่ได้เอาคอมไปด้วยเลยเพิ่งมาลงเอาวันนี้ค่ะ :07:




email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

ออฟไลน์ si

  • หน้าใหม่
  • *
  • กระทู้: 42
Re: แพร่งหัวใจ บทที่ 7
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 06 มีนาคม 2014 เวลา 23:23:17 »
ในที่สุดก็มา
 :69:

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.